เมื่อวันที่ 8 มีนาคมปี 2015 นายสี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ร่วมพิจารณาตรวจสอบผลงานรัฐบาลกับผู้แทนจากเขตปกครองตนเองชนเผ่าจ้วงกว่างซี ที่เข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 12 ครั้งที่ 3 ที่กรุงปักกิ่ง โดยนายสี จิ้นผิง กล่าวกับบรรดาผู้แทนจากเขตกว่างซีว่า พร้อมๆ กับการพัฒนาข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” เขตกว่างซีมีบทบาทที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้นในการเปิดสู่ภายนอกของจีน ทำให้เขตกว่างซีมีโอกาสการพัฒนาเชิงประวัติศาสตร์ ด้วยเหตุนี้ เขตกว่างซีจึงต้องเร่งทำภารกิจเปิดสู่ภายนอกและความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศ คำกล่าวของนายสี จิ้นผิง ทำให้บรรดาผู้แทนจากเขตกว่างซีรู้สึกตื่นเต้นมาก
ถัน ซิ่งหง รองอธิบดีกรมพาณิชย์ของเขตกว่างซีกล่าวว่า ขณะนี้ เขตกว่างซีกำลังเร่งปฏิบัติตามนโยบายที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงมอบให้ โดยพยายามสร้างสรรค์ท่าเรือในบริเวณอ่าวเป่ยปู้ และพัฒนาเส้นทางคมนาคมทางทะเลที่เชื่อมต่อกับประเทศในอาเซียนและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก อีกทั้งร่วมมือกับเมืองและมณฑลในภาคตะวันตกของจีน เพื่อเกิดการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น ปัจจุบัน เขตกว่างซีมีการติดต่อกับพื้นที่ทางภาคเหนืออย่างใกล้ชิด มีเส้นทางคมนาคมทางทะเลทางภาคใต้ มีการรวมตัวกับพื้นที่ภาคตะวันตก และได้กระชับความร่วมมือกับพื้นที่ในภาคตะวันออกของจีน
การพัฒนาเส้นทางคมนาคมทั้งทางบกและทางทะเลทำให้เขตกว่างซีเริ่มพัฒนาอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน ท่าเรือของเขตกว่างซีในบริเวณอ่าวเป่ยปู้มีเส้นทางการเดินเรือเชื่อมกับกว่า 100 ประเทศและเขตแคว้น ปริมาณการขนถ่ายสินค้าของท่าเรือต่างๆ ในเขตกว่างซีมีกว่า 200 ล้านตันต่อปี ยอดนำเข้าและส่งออกเมื่อปีที่แล้วมีกว่า 4 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้นกว่าหนึ่งเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2015
นายหวาง กวางฮุย หัวหน้าสถานีรถไฟในท่าเรือชินโจว เขตกว่างซีกล่าวว่า ปริมาณขนส่งตู้คอนเทนเนอร์มาตรฐานในสถานีรถไฟแห่งนี้เพิ่มขึ้นจากศูนย์มาเป็นหนึ่งหมื่นตู้ใช้เวลาเพียง 8 เดือนเท่านั้น จากหนึ่งหมื่นตู้เพิ่มขึ้นเป็น 5 หมื่นตู้ใช้เวลาเพียง 7 เดือนเท่านั้น
ลักษณะภูมิประเทศของกว่างซี พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขา มีที่ดินเพาะปลูกน้อยมาก จึงเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาด้านการเกษตร ทำให้เกษตรกรจำนวนหนึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อย เมื่อปี 2015 ประชากรผู้มีรายได้น้อยในเขตกว่างซีมีกว่า 5 ล้านคน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จึงได้กล่าวกับบรรดาผู้แทนจากเขตกว่างซีที่เข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 12 ครั้งที่ 3 ที่กรุงปักกิ่งเมื่อปี 2015 ว่า เขตกว่างซีต้องเร่งแก้ไขปัญหาความยากจน ต้องใช้มาตรการที่ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาให้ตรงจุด ต้องวางแผนสำหรับการแก้ไขปัญหา อีกทั้งยั้งต้องพิจารณาถึงรายละเอียดในการแก้ไขปัญหาต้องคำนึงถึงทุกชนเผ่า ทุกพื้นที่ โดยไม่หลงลืมหรือมองข้ามคนใดไป
หลังจากนั้น เขตกว่างซีได้เร่งปฏิบัติตามนโยบายที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงมอบให้ โดยได้ประกาศทำสงครามกับปัญหาความยากจน และได้ส่งคณะทำงานลงพื้นที่ยากจนต่างๆ เพื่อช่วยเหลือหมู่บ้านประมาณ 5,000 แห่งที่ห่างไกลจากความเจริญ ให้พ้นจากสภาวะความยากจน
หมู่บ้านซินลี่ อำเภอเถียนหยัง เขตกว่างซีตั้งอยู่ในเขตเขา แห่งหนึ่งที่ไม่ค่อยเหมาะกับการทำการเกษตร หรือการผลิตด้านอื่น รัฐบาลจึงได้อพยพชาวบ้านไปยังพื้นที่อื่น แล้วสนับสนุนให้ชาวบ้านพัฒนาที่พักอาศัยใหม่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อปีที่แล้ว เขตกว่างซีเริ่มดำเนินแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาความยากจน โดยมีเป้าหมายให้พื้นที่และประชาชนที่ยากจนที่สุดในเขตกว่างซีพ้นจากสภาวะยากจนภายในระยะเวลา 3 ปี สำหรับปีนี้ จะให้ 1,150 หมู่บ้าน และ 21 อำเภอพ้นจากสภาวะยากจน
(bo/cai)