นายกฯ จีนเขียนบทความลงสื่อหลักของไทย

2019-11-02 16:13:24 | CRI
Share with:

图片默认标题_fororder_20191103zw1

สำนักข่าวซินหวา รายงานว่า วันที่ 2  พฤศจิกายน ก่อนร่วมการประชุมผู้นำเกี่ยวกับความร่วมมือในเอเชียตะวันออก และเยือนไทยอย่างเป็นทางการ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้เขียนบทความในหัวข้อ  “ร่วมแรงร่วมใจร่างพิมพ์เขียวความร่วมมือในเอเชียตะวันออกที่ดีงาม” เผยแพร่ในสื่อท้องถิ่นของไทย โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

การประชุมผู้นำความร่วมมือเอเชียตะวันออกประจำปี 2019 ใกล้จะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ    ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เดินทางมาประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกครั้ง    นับเป็นครั้งที่ 3 ที่ข้าพเจ้าในฐานะนายกรัฐมนตรีจีนเดินทางมาเยือนประเทศไทย ประเทศที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม   จึงรู้สึกอบอุ่นดั่งเดินทางมาเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องและเพื่อนบ้าน  ขอถือโอกาสนี้  ขอบคุณเจ้าภาพประเทศไทยที่ได้ใช้ความพยายามในการเตรียมความพร้อมสำหรับจัดการประชุมครั้งนี้      ข้าพเจ้ารอคอยที่จะได้พบปะพูดคุยกับผู้นำประเทศต่างๆ ที่เดินทางมาเข้าร่วมประชุมครั้งนี้  เพื่อเสริมสร้างมิตรสัมพันธ์ระหว่างกัน และร่วมกันปรึกษาหารือถึงยุทธศาสตร์ความร่วมมือในเอเชียตะวันออก 

เอเชียตะวันออกเป็นบ้านเมืองร่วมกันของเรา  ข้าพเจ้ารู้สึกปีติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นความร่วมมือในเอเชียตะวันออกได้รักษาแนวโน้มการพัฒนาที่แข็งแกร่ง    โดยความร่วมมือระหว่างจีน-อาเซียนได้แสดงบทบาทนำหน้า และปรากฏสภาพที่คึกคัก มีชีวิตชีวา  จีนเป็นหุ้นส่วนการค้าใหญ่ที่สุดของอาเซียนต่อเนื่องกันมาเป็นเวลา 10 ปี  ขณะที่อาเซียนก็กระโดดขึ้นมาเป็นหุ้นส่วนการค้าใหญ่อันดับ 2 ของจีนในปีนี้   สินค้าที่มีลักษณะเฉพาะของประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลากหลายชนิด เช่น  ทุเรียนจากไทย มาเลเซีย   กล้วยหอมจากฟิลิปปินส์  ข้าวจากกัมพูชา   กาแฟจากเวียดนาม  และปาล์มน้ำมันจากอินโดนีเซียได้เข้าสู่ครอบครัวของชาวจีนทั่วไปนับวันมากขึ้น  ขณะที่สินค้าคุณภาพดีของจีน เช่น  สมาร์ทโฟน   เครื่องใช้ไฟฟ้า  ของเล่นเด็ก ก็ได้รับความนิยมจากประเทศอาเซียนเช่นกัน

เอเชียตะวันออกยังเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก  ช่วงกว่า 70 ปีหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา  เอเชียตะวันออกได้รักษาสภาวะแวดล้อมที่มีสันติภาพและเสถียรภาพโดยรวม  ได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ในการพัฒนาเศรษฐกิจที่ทั่วโลกจับตามอง    ปี 2018   ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพีของ10 ประเทศอาเซียน บวกจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ รวมแล้วคิดเป็น  27% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศทั่วโลก    ยอดมูลค่าการค้าต่างประเทศของ 13 ประเทศดังกล่าวคิดเป็น 26% ของยอดมูลค่าการค้าต่างประเทศทั่วโลก สัดส่วนส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจโลกคิดเป็นประมาณ 60%   ซึ่งหากคิดเฉพาะจีนประเทศเดียวก็มากกว่า 30%   เราได้รับมือกับผลกระทบจากวิกฤติการเงินสองครั้งด้วยความสำเร็จ   ได้พยายามส่งเสริมสนับสนุนเสรีภาพและความสะดวกทางการค้าและการลงทุน  ได้ลงลึกการหลอมรวมทางเศรษฐกิจของภูมิภาค   จึงทำให้เอเชียตะวันออกพัฒนาเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีชีวิตชีวา และมีศักยภาพมากที่สุดในโลก

ขณะนี้  แรงกดดันเศรษฐกิจขาลงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ลัทธิกีดกันทางการค้า และลัทธิเอกภาคีนิยมผงาดขึ้น  ทำให้การพัฒนาของเอเชียตะวันออกต้องเผชิญกับการท้าทายใหม่  ด้วยสาเหตุดังกล่าวนี้ ประเด็นปัญหาต่างๆ เช่น   จะป้องกันและต้านความเสี่ยงอย่างไร     จะรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจ  และลงลึกความร่วมมือที่อำนวยประโยชน์แก่กันด้วยวิธีการใด   เพื่อเพิ่มพูนความผาสุกของประชาชนนั้น จึงเป็นประเด็นปัญหาที่เราต้องร่วมพิจารณาและปรึกษาหารือกัน

จากประสบการณ์ความร่วมมือและกระบวนการพัฒนาในเอเชียตะวันออก  เราสามารถได้ข้อสรุปชี้แนะดังต่อไปนี้ 

ประการแรก ต้องรักษาสันติภาพและเสถียรภาพ   การพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองจึงจะมีหลักประกัน        ประเทศอาเซียนมีความสามัคคีกัน  ร่วมมือกัน และช่วยเหลือกัน  ได้ก่อตั้งประชาคมอนุภูมิภาคแห่งแรกในประวัติศาสตร์ของเอเชีย     และได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์อาเซียนที่ได้รับการชื่นชมจากชาวโลก จีนยืนหยัดเดินบนหนทางการพัฒนาที่สันติมาโดยตลอด  ยึดมั่นในแนวทางการต่างประเทศรอบข้างที่จะเป็นมิตรกัน มีความจริงใจต่อกัน   อำนวยประโยชน์แก่กัน และยอมรับกัน    ริเริ่มและปฏิบัติตามนโยบายความมั่นคงที่มีความปลอดภัยร่วมกัน  ครอบคลุมทุกด้านที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมมือกัน  และมีความยั่งยืน  เพิ่มพูนความน่าเชื่อถือทางการเมืองกับประเทศรอบข้างอย่างต่อเนื่อง  และเป็นพลังหลักในการรักษาสันติภาพ  เสถียรภาพของภูมิภาคนี้  จีนและอาเซียนได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด  โดยยึดมั่นในหลักการแห่งการเปิดประเทศ    ยอมรับต่อกัน เคารพซึ่งกันและกัน  และพูดคุยเจรจากัน  ร่วมกันจัดตั้งกลไกความร่วมมือของภูมิภาคที่ถืออาเซียนเป็นศูนย์กลาง  เพื่อให้เป็นพื้นฐานแห่งสันติภาพ  เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของเอเชียตะวันออก 

ประการที่สอง  ต้องขับเคลื่อนการเปิดสู่ภายนอกและความร่วมมือ จึงสามารถบรรลุการอำนวยประโยชน์แก่กัน และได้ชัยชนะร่วมกัน  การปฏิรูปและเปิดประเทศของจีนไม่เพียงได้บรรลุการพัฒนาของตน แต่ยังได้สร้างโอกาสสำคัญให้แก่โลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศรอบข้างของจีน ซึ่งรวมทั้งประเทศอาเซียนด้วย    จีนนำหน้าทำการเจรจากับอาเซียนในการสร้างเขตการค้าเสรี และได้จัดตั้งเขตการค้าเสรีประเทศกำลังพัฒนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก  ปีนี้  เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนบรรลุการยกระดับสูงขึ้น   กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าได้รับการปรับปรุงดีขึ้น   กฎเกณฑ์เกี่ยวกับการเข้าถึงตลาดมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น  ขอบเขตความร่วมมือได้ขยายออกไปกว้างขึ้น   นอกจากนี้  จีนและประเทศอาเซียนร่วมกันผลักดันการเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค(RCEP) ทุ่มเทกำลังในการก่อตั้งเขตการค้าเสรีที่มีประชากรมากที่สุด   ประกอบด้วยสมาชิกที่มีโครงสร้างหลากหลายที่สุด และมีศักยภาพมากที่สุดในโลก  รวมทั้งสร้างตลาดขนาดใหญ่ในเอเชียที่เปิดสู่ภายนอกมากขึ้น

จีนและประเทศอาเซียนร่วมสร้าง "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" คุณภาพสูง  ทุ่มเทกำลังในการบรรลุการเชื่อมต่อในระดับสูง ในอนาคตอันใกล้  การโดยสารรถไฟจากเมืองคุนหมิงมากรุงเทพฯจะกลายเป็นจริงขึ้น

จีนและประเทศอาเซียนร่วมสร้างสภาวะแวดล้อมการนวัตกรรมที่เปิดสู่ภายนอก  มีการร่วมมือกัน และไม่เลือกปฏิบัติต่อกัน  ทั้งสองฝ่ายจะถือโอกาสปีแห่งความร่วมมือทางเศรษฐกิจดิจิทัลในปีหน้า กระชับความร่วมมือในด้านการสื่อสาร 5 จี   ปัญญาประดิษฐ์  ข้อมูลขนาดใหญ่(Big Data)    เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง(Internet of Things)  และเมืองอัจฉริยะ  ร่วมกันรับประโยชน์จากการนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  

ประการที่สาม   เสริมการไปมาหาสู่กันระหว่างประชาชน และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมจะสามารถทำให้ความสัมพันธ์มีความใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ    เส้นทางสายไหมทางทะเลที่เริ่มเปิดขึ้นเมื่อสองพันกว่าปีก่อนนั้นได้นำมาซึ่งการติดต่อไปมาหาสู่กันทางทะเลที่รุ่งโรจน์ อีกทั้งยังเป็นสักขีพยานต่อประวัติศาสตร์การไปมาหาสู่กันอย่างใกล้ชิดระหว่างจีนกับประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้   เมื่อเร็วๆ นี้  ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ถวายเครื่องอิสริยาภรณ์รัฐมิตราภรณ์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน แด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทูตสันถวไมตรียอดเยี่ยมในการพัฒนามิตรสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยนั้น เป็นเรื่องดีงามอีกเรื่องหนึ่งในการพัฒนามิตรสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทย ตลอดจนจีนและอาเซียน

พร้อมๆ กับการไปมาหาสู่กันระหว่างจีนและประเทศอาเซียนนับวันมีความใกล้ชิดยิ่งขึ้น   ประชาชนทั่วไปจำนวนมากขึ้นทุกวันจะกลายเป็นทูตสันถวไมตรีระหว่างจีนและอาเซียน ปัจจุบัน  เที่ยวบินตรงระหว่างจีนและประเทศอาเซียนมีประมาณสัปดาห์ละ  4,500 เที่ยวบิน  เมื่อปีที่แล้ว  ประชาชนของทั้งสองฝ่ายที่เดินทางไปมาหาสู่กันมีจำนวน  57 ล้านคน    เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากนักท่องเที่ยวจีน  เมื่อปีที่แล้ว    นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยเกิน 10 ล้านคน  นักเรียนประเทศอาเซียนที่มาศึกษาต่อที่จีนมีประมาณ 1 แสนคน   โครงการทุนการศึกษาสำหรับบุคลากรดีเด่นจีน-อาเซียนที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีนี้ จะช่วยสนับสนุนเยาวชนดีเด่นของประเทศอาเซียนมากขึ้นมาเรียนต่อที่ประเทศจีน  จีนมีสำนวนว่า   “เกื้อกูลผูกสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน แน่นแฟ้นกว่าญาติที่อยู่ไกลกัน”  จีนและไทยเป็นพี่น้องกันอยู่แล้ว    เชื่อมั่นว่า  จีนและประเทศอาเซียนจะใกล้ชิดกันมากยิ่งๆ ขึ้น  จะเป็นครอบครัวเดียวกันที่มีอนาคตร่วมกัน

ประการที่สี่  ต้องยืนหยัดในการพูดคุยเจรจากันและปรึกษาหารือกัน จึงสามารถบรรลุความเห็นพ้องต้องกันได้      วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกมีลักษณะพิเศษที่ถือความปรองดองกันเป็นสิ่งล้ำค่า   มีการประนีประนอมกัน     รวมทั้งถือสันติสุขและความกลมกลืนกันเป็นสิ่งสำคัญมาก     ขณะที่รูปแบบของอาเซียนเน้นการปรึกษาหารือกันเพื่อบรรลุความเห็นที่เป็นเอกฉันท์  และต้องคำนึงถึงความสบายของทุกฝ่าย วัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกันทำให้เรายืนหยัดในการจัดการกับข้อขัดแย้งอย่างเหมาะสมโดยผ่านการพูดคุยเจรจากัน และปรึกษาหารือกัน     มีปัญหาอะไรก็แก้ไขเสียด้วยวิธีพูดคุยกัน  

จีนและบางประเทศอาเซียนมีข้อพิพาทเขตแดนและสิทธิประโยชน์ทางทะเลในทะเลจีนใต้จริง   แต่ปัญหาทะเลจีนใต้ไม่เพียงแต่ไม่ได้กระทบถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีน-อาเซียน  แต่กลับยังกลายเป็นอีกด้านหนึ่งแห่งความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่าย  เราร่วมกันปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ (DOC)อย่างรอบด้าน  และพยายามขับเคลื่อนการเจรจาในการจัดทำแนวทางปฏิบัติในทะเลจีนใต้( COC)  เมื่อปีที่แล้ว ข้าพเจ้าเสนอให้จัดทำแนวทางปฏิบัติในทะเลจีนใต้ให้เสร็จเรียบร้อยภายในปี 2021   ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทุกฝ่าย  

ขณะนี้  การอ่านวาระที่ 1 ของร่างเนื้อหาการเจรจาเพื่อจัดทำแนวทางปฏิบัติในทะเลจีนใต้ได้ดำเนินการแล้วเสร็จก่อนเวลากำหนด  และวาระที่ 2ได้เริ่มดำเนินการอย่างราบรื่น    จากการพูดคุยเจรจากัน และปรึกษาหารือกัน จีนและประเทศอาเซียนจะสามารถบรรลุแนวทางปฏิบัติในทะเลจีนใต้ที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของภูมิภาคนี้   มีเนื้อแท้  มีคุณภาพสูง และมีผลผูกมัดอย่างแน่นอน     พร้อมทั้งร่วมกันกำหนดหลักเกณฑ์ของภูมิภาคนี้  เพื่อให้ทะเลจีนใต้เป็นทะเลแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือ

ข้าพเจ้าเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งนี้เป็นไปตามคำเชิญของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีไทย  ปีหน้าเป็นวาระครบรอบ 45ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย  ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศยืนอยู่บนจุดเริ่มต้นใหม่ที่สืบทอดอดีต และมุ่งหน้าสู่อนาคต  เราจะต้องใช้ความพยายามทวีคูณ   เน้นกระชับความร่วมมือด้านสำคัญๆ เช่น  การเชื่อมโยงด้านต่างๆ   การนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี    การประสานทักษะของภาคการผลิต   และความร่วมมือกับฝ่ายที่สาม   เพื่อเติมพลังขับเคลื่อนให้แก่การพัฒนา   และสร้างประโยชน์มากขึ้นให้แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ 

ขอให้เราร่วมมือกันในยุคใหม่  ร่วมกันบรรเลงเพลงแห่งมิตรภาพจีน-ไทย   ร่วมร่างพิมพ์เขียวความร่วมมือในเอเชียตะวันออกที่ดีงาม   

(yim/cai)

  • เสียงข่าวประจำวัน (15-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (15-11-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (15-11-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (14-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (14-11-2567)

蔡建新