ทบทวนประวัติฮ่องกงกลับคืนสู่จีน (3)

2019-11-20 10:45:09 | CMG
Share with:

图片默认标题_fororder_香港回归之路(3)a

หลังปี 1989  อังกฤษได้เปลี่ยนความคิดใหม่ ประสงค์จะให้เร่งกระบวนการปฏิรูประบบการปกครองในฮ่องกง โดยประเด็นที่เป็นปัญหาและทำให้โต้แย้งกันรุนแรงที่สุดคือ  ฝ่ายอังกฤษต้องการให้เร่งเพิ่มอัตราส่วนของสมาชิกสภานิติบัญญัติที่ได้จากการเลือกตั้งโดยตรง   เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาหลักที่ก่อให้เกิดการโต้แย้งระหว่างจีน-อังกฤษในช่วงนั้น  จากนั้น  รัฐมนตรีต่างประเทศจีนและอังกฤษเร่งปรึกษาหารือเรื่องราวต่างๆ ด้วยลายลักษณ์อักษร

จีนและอังกฤษก็สามารถบรรลุความเข้าใจและข้อตกลงว่าด้วยการพัฒนาระบบการปกครองฮ่องกงได้   นอกจากนั้น ยังย้ำอีกครั้งว่า อังกฤษต้องปฏิบัติตามหลักการที่ต้องปรึกษาหารือกับจีนเพื่อบรรลุความเห็นที่เป็นเอกฉันท์  และหลักการที่ทำทุกอย่างต้องให้สอดรับกับกฎหมายพื้นฐานเขตบริหารพิเศษฮ่องกง   

แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงคือ  ในเวลาต่อมา  อังกฤษจะละเมิดความเข้าใจและข้อตกลงดังกล่าว  ซึ่งทางจีน และอังกฤษ รวมทั้งสื่อมวลชนต่างอภิปรายกันอย่างกว้างขวางว่า  เอกสารทางการทูตดังกล่าวของทั้งสองฝ่ายจะถือเป็นข้อตกลงกันได้หรือไม่  และมีผลบังคับใช้หรือไม่  ในความเป็นจริงนั้น  ใครก็ตามที่มีความรู้เรื่องการต่างประเทศอยู่บ้าง ก็ต้องทราบคำตอบที่ถูกต้องอยู่แล้ว คือ เอกสารทางการทูตดังกล่าวของทั้งสองฝ่ายจะถือเป็นข้อตกลงกันได้ ดังนั้น จึงยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงผู้ที่มีความรู้เป็นอย่างดีเกี่ยวกับประวัติการเจรจาระหว่างจีนกับอังกฤษในปัญหาฮ่องกง 

图片默认标题_fororder_香港回归之路(3)b

หลังจากมีการบรรลุความเข้าใจและข้อตกลงว่าด้วยปัญหาการเลือกตั้งในฮ่องกงแล้ว  ก็มีการประกาศกฎหมายพื้นฐานเขตบริหารพิเศษฮ่องกงอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายนปี 1990  ถึงตอนนี้  การโต้แย้งเกี่ยวกับการปฏิรูประบบการปกครองฮ่องกงน่าจะยุติลง  แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ 

ตอนจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติฮ่องกงในปี 1991 นั้น  ทางอังกฤษได้เร่งดำเนินการในเรื่องที่เรียกว่า “การปฏิรูประบบการปกครองโดยสภาผู้แทน” และเตรียมจะผลักดันระบบแบบใหม่ที่เรียกว่า “กรรมการประจำ” ในสภานิติบัญญัติ เพื่อเป็นการเพิ่มอำนาจให้แก่ฝ่ายนิติบัญญัติในการควบคุมฝ่ายบริหาร

เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวนี้   ฝ่ายจีนได้เตือนฝ่ายอังกฤษว่า   ได้มีการกำหนดไว้ในกฎหมายพื้นฐานเขตบริหารพิเศษฮ่องกงไว้ว่า  จะให้การปกครองเขตบริหารพิเศษฮ่องกงเป็นแบบให้ฝ่ายบริหารเป็นฝ่ายกำกับ  และระบบนี้ใช้ได้ผลในฮ่องกงหลายปีแล้ว  ดังนั้น  หากมาเปลี่ยนเป็นแบบให้ฝ่ายนิติบัญญัติเป็นฝ่ายกำกับ  ย่อมจะขัดต่อกฎหมายพื้นฐาน   ทางจีนไม่อยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น  ตอนนั้น อังกฤษตอบรับว่า  อังกฤษไม่มีเจตนาจะเปลี่ยนระบบการปกครองที่กำกับโดยฝ่ายบริหารไปเป็นแบบที่กำกับโดยฝ่ายนิติบัญญัติแต่อย่างใด

เกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติในฮ่องกงในปี 1995 นั้น จีนเตือนอังกฤษว่า  การเลือกตั้งสภานิติบัญญัติฮ่องกงชุดก่อนส่งมอบฮ่องกงคืนจีนต้องให้สอดคล้องกับกฎหมายพื้นฐานเขตบริหารพิเศษฮ่องกง  มิเช่นนั้น จะให้สมาชิกสภานิติบัญญัติชุดนี้ทำงานต่อหลังฮ่องกงกลับคืนสู่จีนไม่ได้   ฝ่ายอังกฤษตอบว่า  จะมีการปรึกษาหารือกับจีนก่อนมีการตัดสินในเรื่องนี้ 

อย่างไรก็ตม   ในเดือนเมษายน ปี 1991 รัฐบาลอังกฤษได้แต่งตั้งให้นาย คริส แพตเทนที่เคยดำรงตำแหน่งประธานพรรคอนุรักษ์นิยมที่เป็นคนหัวแข็งเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเขตฮ่องกง  โดยมาแทนนายเดวิด ไคลว์ วิลสัน ที่ทางอังกฤษเห็นว่า เขาชอบอ่อนข้อให้แก่จีนมากเกินไป 

ทันทีที่ นาย คริส แพตเทน ขึ้นดำรงตำแหน่ง  ก็ดำเนินการปรับเปลี่ยนนโยบายที่อังกฤษมีต่อฮ่องกงอย่างมาก แนวคิดที่แตกต่างระหว่างจีน-อังกฤษเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการปกครองฮ่องกงก็นำไปสู่การโต้แย้งที่เปิดเผยและรุนแรงอีกรอบหนึ่ง

โดยเหตุผลแล้ว  หน้าที่ของผู้ว่าราชการเขตฮ่องกงคนสุดท้ายในช่วงเปลี่ยนผ่านนั้น ควรจะให้ความร่วมมือกับจีนอย่างดี  เพื่อให้มีเสถียรภาพในช่วงเปลี่ยนผ่าน และการถ่ายโอนอำนาจการปกครองเป็นไปอย่างราบรื่น   ซึ่งหากทำได้เช่นนี้  ก็จะกล่าวได้ว่า  ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างดียิ่ง และชื่อเสียงของผู้ว่าฯท่านนี้ก็จะได้รับการจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์  แต่นาย คริส แพตเทน ผู้ว่าฯคนสุดท้ายนี้กลับทำตรงกันข้าม  กลัวว่าการส่งมอบฮ่องกงคืนสู่จีนจะราบรื่นเกินไป 

图片默认标题_fororder_香港回归之路(3)c

หลังจากขึ้นดำรงตำแหน่งในเดือนกรกฎาคมปี 1992  นาย คริส แพตเทนก็ได้ประกาศแผนการปฏิรูประบบการปกครองฮ่องกง ซึ่งทำให้เกิดการเผชิญหน้ากับจีน   โดยจัดทำรูปแบบการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติฮ่องกงในปี 1995 ออกมาใหม่อีกรูปแบบหนึ่ง หากมองอย่างผิวเผิน ก็ยังเป็นการรักษาระบบการปกครองที่กำกับโดยฝ่ายบริหารไว้ แต่โดยเนื้อแท้แล้ว  ต้องการจะเร่งเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองฮ่องกง เพื่อยกฐานะและเพิ่มอำนาจให้แก่ฝ่ายนิติบัญญัติ 

นาย คริส แพตเทน ได้แถลงนโยบายการบริหารเป็นครั้งแรกในวันที่ 7 ตุลาคม ปี 1992 รวมทั้งได้ประกาศแผนการปฏิรูประบบการปกครองฮ่องกง  ต่อมาอีกหลายวันให้หลัง  จีนแจ้งให้ฝ่ายอังกฤษทราบว่า  แผนการปฏิรูประบบการปกครองฮ่องกงของนาย คริส แพตเทนขัดต่อกฎหมายพื้นฐานเขตบริหารพิเศษฮ่องกง  ดังนั้น  สภานิติบัญญัติที่เกิดจากแผนดังกล่าวจะทำงานต่อไม่ได้หลังฮ่องกงกลับคืนสู่จีนในวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 1997   นอกจากนั้น จีนยังเตือนฝ่ายอังกฤษว่า  อย่าเปิดศึกคารมโดยใช่เหตุ 

อังกฤษดูจะเตรียมก่อเรื่องอยู่แล้ว  จึงไม่ได้สนใจการคัดค้านและการเตือนของจีน  อังกฤษได้ทำการประกาศแผนการปฏิรูประบบการปกครองฮ่องกงดังกล่าว โดยมิได้ปรึกษากับจีน  ถือเป็นพฤติกรรมที่ขัดต่อแถลงการณ์ร่วมระหว่างจีน-อังกฤษ จงใจก่อให้เกิดการโต้แย้งกันอย่างเปิดเผย  และหมายจะอาศัยสื่อมวลชนในการกดดันจีน  ทันทีที่มีการประกาศแผนการปฏิรูประบบการปกครองฮ่องกงดังกล่าว   นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษก็แสดงท่าทีสนับสนุน 

ส่วนจีนได้แจ้งจุดยืนของตนเองให้ทุกฝ่ายทราบทันที  อีกทั้งแสดงความเป็นห่วงในการกระทำของอังกฤษ โดยจีนชี้แจงให้ทราบว่า  หากระบบการปกครองไม่สามารถเชื่อมต่อกันก่อนและหลังฮ่องกงกลับคืนสู่จีน  ความรับผิดชอบมิได้อยู่ที่ฝ่ายจีน  เมื่อฮ่องกงกลับคืนสู่จีน หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงจะถูกตั้งขึ้นตามกฎหมายพื้นฐานฮ่องกง และมติของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน 

หลังจากประกาศแผนการปฏิรูประบบการปกครองฮ่องกงแล้ว  นาย คริส แพตเทนจึงเดินทางมาเยือนปักกิ่งในวันที่ 22 เดือนตุลาคม หมายจะใช้เรื่องที่เกิดขึ้นมากดดันจีน  จะให้จีนมีข้อเสนอค้านบนพื้นฐานของแผนดังกล่าว 

แต่จีนยืนหยัดจะปฏิบัติตามหลักการที่กำหนดไว้ในแถลงการณ์ร่วมระหว่างจีน-อังกฤษในการดำเนินการ เนื่องจากเห็นว่า การเลือกตั้งประจำปี 1994/1995 เกี่ยวพันถึงเสถียรภาพในช่วงเปลี่ยนผ่าน จึงควรมีการปรึกษากับจีน เพื่อให้มีความคิดเห็นที่ตรงกัน  อังกฤษไม่ควรกระทำโดยลำพังฝ่ายเดียว  โดยที่ยังไม่มีการหารือกับจีน  ดังนั้น  จีนขอให้นาย คริส แพตเทน เปลี่ยนแปลงท่าที  และให้ประกาศถอนแผนการปฏิรูประบบการปกครองฮ่องกง จีนได้วิเคราะห์ให้นายคริส แพตเทนฟังหลายรอบว่า  แผนการปฏิรูประบบการปกครองของเขาได้ละเมิดแถลงการณ์ร่วมระหว่างจีน-อังกฤษ  ละเมิดหลักการการเชื่อมต่อที่กำหนดไว้ในกฎหมายพื้นฐาน  และละเมิดข้อตกลงที่ได้บรรลุในก่อนหน้านี้แล้ว   แต่นาย คริส แพตเทน เพิกเฉย มิได้ใส่ใจในคำชี้แนะ และคำเตือนของฝ่ายจีน

การมาเยือนปักกิ่งของนายคริส แพตเทน ไม่มีประโยชน์ในการแก้ไขปัญหา แต่กลับทำให้จุดยืนของทั้งสองฝ่ายกลายเป็นการเผชิญหน้ากัน

เพื่อรับมือกับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นได้  จีนได้เตรียมมาตรการรองรับไว้สองประการ  คือ ประการแรก  จะยืนหยัดในจุดยืนของตนเอง และพยายามรักษาพื้นฐานแห่งความร่วมมือระหว่างสองฝ่าย  และอีกประการหนึ่งคือ  หากในที่สุดเกิดสถานการณ์ที่ระบบการปกครองเชื่อมต่อกันไม่ได้ก่อนและหลังฮ่องกงกลับคืนสู่จีน   จีนก็จะใช้วิธีการของตนเอง  

  • เสียงข่าวประจำวัน (15-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (15-11-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (15-11-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (14-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (14-11-2567)

郑元萍