( ผู้สื่อข่าวไชน่ามีเดียกรุ๊ปสัมภาษณ์นายเฉิน เต๋อฉี่ เจ้าของชาโตร์ Holan Soul )
ในปี 1997 เขตปกครองตนเองชนเผ่าหุยหนิงเซี่ยกับมณฑลฝูเจี้ยน เริ่มดำเนินมาตรการการขจัดความยากจน โดยใช้รูปแบบจับคู่ระหว่างพื้นที่ร่ำรวยกับพื้นที่ยากจน หลังจากนั้นมณฑลฝูเจี้ยนได้สนับสนุนเงินทุนสูงถึง 80,000 ล้านหยวนให้กับเขตหนิงเซี่ย สนับสนุนการพัฒนาสร้างสรรค์ของเขตหนิงเซี่ยในทุก ๆ ด้าน นักธุรกิจมณฑลฝูเจี้ยนก็หลั่งไหลเข้ามาลงทุนที่นี่ และนายเฉิน เต๋อฉี่ ก็เป็นหนึ่งในบรรดานักธุรกิจฝูเจี้ยนที่มาบุกเบิกธุรกิจในเขตหนิงเซี่ย
เมื่อปี 2007 ที่ผ่านมา นายเฉิน เต๋อฉี่ได้เดินทางมาถึงพื้นที่ทะเลทรายโกบีของเขตหนิงเซี่ยเป็นครั้งแรก หลังจากการสำรวจเบื้องต้น นายเฉินสังเกตว่า พื้นที่บริเวณภูเขาเห่อหลันซานในเมืองหยินชวนของเขตหนิงเซี่ยตั้งอยู่ละติจูดเดียวกันกับประเทศฝรั่งเศสคือละติจูด 38.5 องศาเหนือ และเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ1,100-1,500 เมตร มีแสงแดดที่มากพอ นอกจากนี้สภาพดินที่เป็นลักษณะหินทรายและมีแร่ธาตุที่สมบูรณ์มีความเหมาะสมสำหรับการปลูกองุ่นที่ใช้หมักไวน์ ดังนั้นเมื่อนายเฉินมาถึงเขตหนิงเซี่ยเป็นครั้งที่ 2 ได้ตัดสินใจซื้อที่ดินทะเลทรายโกบีจำนวน 100,000 โหม่ว (ประมาณ 67 ตารางกิโลเมตร )เพื่อทำเป็นไร่องุ่นด้วยราคา 200 ล้านหยวน และกระบวนการจัดซื้อทั้งหมดใช้เวลาเพียง 15 นาที
การทำไร่องุ่นในพื้นที่ทะเลทรายโกบีนั้น เป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ทุกอย่างต้องเริ่มต้นจากศูนย์ ตั้งแต่เคลียร์ก้อนหินก้อนใหญ่ ๆ ปรับปรุงพื้นที่ สร้างอ่างเก็บน้ำ ติดตั้งระบบไฟฟ้า ออกแบบระบบสปริงเกอร์รดน้ำ ก่อสร้างถนนปลูกต้นไม้ ตลอดจนนำเข้าพันธุ์องุ่นจากฝรั่งเศส ฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้ด้านการปลูกองุ่นอย่างเพียงพอ เป็นต้น นายเฉินได้ลงรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนของงานแต่ละชิ้น ระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมาลงทุนไปแล้ว 2,200 ล้านหยวน ในการสร้างสรรค์ธุรกิจผลิตไวน์ “Holan Soul”ของเขาเอง พื้นที่ไร่องุ่นกว้าง 50,000 โหม่ว (ประมาณ 33 ตารางกิโลเมตร) นับเป็นไร่องุ่นขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ขณะเดียวกันนายเฉิน ยังได้ปลูกต้นไม้จำนวน 5 ล้านต้นในพื้นที่บริเวณนี้ เพื่อปรับปรุงระบบนิเวศ
อุตสาหกรรมไวน์ของนายเฉิน เต๋อฉี่ นอกจากเสียภาษีให้เขตหนิงเซี่ยแล้ว ยังสร้างผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมต่อชาวบ้านท้องถิ่น ยกตัวอย่างที่ หมู่บ้านหยวนหลงของตำเป็นหมิ่นหนิง เป็นหมู่บ้านอพยพ ทั้งหมู่บ้านมีกว่า 2,000 ครัวเรือน และกว่า 80% ของครอบครัวที่นี่มีสมาชิกทำงานเก็บองุ่นและงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจไวน์ของนายเฉิน โดยทำงานหนึ่งวันมีรายได้ 100 หยวน รายได้ต่อปีของครัวอยู่ที่ประมาณ 35,000 หยวน สร้างโอกาสการทำงานให้ชาวบ้านที่อพยพจากพื้นที่ยากจน อีกทั้งยังนำชาวบ้านหลุดพ้นจากความยากจนด้วยความพยายามของตนเอง จากเดิมชาวบ้านที่เคยกังวลต่อชีวิตในบ้านหลังใหม่ ไม่รู้จะทำมาหากินอย่างไร ตอนนี้ต่างมีความมั่นใจและเชื่อมั่นว่าชีวิตในอนาคตจะดีงามยิ่ง ๆ ขึ้น