บทวิเคราะห์:การเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ“หวัง อี้”สร้างแบบอย่างความร่วมมือระหว่างประเทศที่ได้ประโยชน์ร่วมกันภายใต้การระบาดของโรคโควิด-19

2020-10-16 21:08:04 | CMG
Share with:

ระหว่างวันที่ 11-15 ตุลาคมที่เพิ่งผ่านมา นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้เดินทางเยือนกัมพูชา มาเลเซีย สปป.ลาว และประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ทั้งแวะเยือนสิงคโปร์ด้วย การเยือนครั้งนี้ประสบผลสำเร็จมากมาย สร้างแบบอย่างความร่วมมือระหว่างประเทศที่ได้ประโยชน์ร่วมกันภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ระหว่างการเยือนกัมพูชาของนายหวัง อี้ สองประเทศได้ร่วมลงนามความตกลงการค้าเสรีจีน-กัมพูชา ซึ่งระบุว่า สินค้าประเภทภาษีเป็นศูนย์จากกัมพูชาสู่จีนจะเป็น 97.53% ของรายการภาษีทั้งหมด ขณะที่สินค้าประเภทภาษีเป็นศูนย์จากจีนสู่กัมพูชาจะเป็น 90% ของรายการภาษีทั้งหมด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในการเจรจาความตกลงการค้าเสรีทั้งหมดระหว่างทั้งสองฝ่าย สำหรับภาคบริการนั้น สองฝ่ายก็รับรองว่าจะเปิดเสรีแก่กันในระดับสูงสุดเช่นกัน ความตกลงฯ ฉบับนี้ถือเป็น “หลักไมล์ใหม่” ในกระบวนการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-กัมพูชา ย่อมจะผลักดันความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคีให้ขึ้นสู่ระดับใหม่แน่นอน

ระหว่างการเยือนประเทศไทย นายหวัง อี้ได้พบกับพลเอก  ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และจัดการเจรจากับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สองฝ่ายมีความเห็นชอบตรงกันเกี่ยวกับความร่วมมืออย่างกว้างขวาง อาทิ ความร่วมมือเพื่อยับยั้งโควิด-19 ความร่วมมือด้านวัคซีน  การเชื่อมโครงการ “ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก” ของไทยเข้ากับโครงการเขตอ่าวใหญ่กว่างตง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Guangdong-Hong Kong-Macao Greater Bay Area,GBA) ของจีนอย่างลุ่มลึก เร่งดำเนินโครงการรถไฟจีน-ไทยให้เร็วขึ้น เพิ่มความร่วมมือด้านการค้าและการสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจใหม่และอุตสาหกรรมใหม่ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล ตลอดจนความร่วมมือด้านการขจัดความยากจน นอกจากนี้ สองฝ่ายยังมีความเห็นชอบร่วมกันเกี่ยวกับการตั้ง “ช่องทางอำนวยความสะดวก” สำหรับการไปมาหาสู่กันของบุคลากร และ “ช่องทางสีเขียว” สำหรับการหมุนเวียนสินค้าสองประเทศ ซึ่งจะมีส่วนส่งเสริมเศรษฐกิจทั้งสองฝ่ายและฟื้นฟูกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทย

สำหรับการเยือนมาเลเซีย สปป.ลาว และสิงคโปร์ของนายหวัง อี้ ก็ประสบผลสำเร็จชนิดได้ประโยชน์ร่วมกันเช่นกัน

ปัจจุบัน สถานการณ์ระหว่างประเทศสลับซับซ้อน โควิด-19 สร้างความเสียหายมหันต์แก่โลก เอกภาคีนิยมและอนุรักษ์นิยมมาแรง กระแสโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจเจอะกระแสทวน เวลานี้ เศรษฐกิจของประเทศส่วนใหญ่อยู่ในภาวะซบเซาร้ายแรง การฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เติบโตโดยเร็วจึงเป็น 1 ในหน้าที่สำคัญอันดับแรกของทุกประเทศภายใต้เงื่อนไขบังคับก่อนอื่นว่า ต้องป้องกันควบคุมโควิด-19 อย่างมีประสิทธิผล

จนถึงขณะนี้ จีนได้คุมโควิด-19 ให้อยู่หมัดและเข้าสู่ช่วงใหม่ในการป้องกันควบคุมโควิด-19 แล้ว เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและมีอัตราเติบโตเป็นบวก การเยือนหลายประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของนายหวัง อี้ในครั้งนี้ ได้ประจักษ์ชัดว่า จีนดำเนินการป้องกันควบคุมโควิด-19 ได้ดี พร้อมยืนหยัดวิสัยทัศน์การพัฒนาที่เปิดเสรี ร่วมมือ และได้ประโยชน์ร่วมกัน ทั้งมุ่งผลักดันกระแสโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ คัดค้านเอกภาคีนิยมและอนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของประเทศใหญ่ ทั้งนี้ไม่เพียงแต่จะหนุนช่วยทุกประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาสังคมเท่านั้น หากยังจะอัดฉีดแรงขับเคลื่อนใหม่ เพื่อการพัฒนาอย่างสันติของทั่วภูมิภาคและโลกด้วยแนวคิดพหุภาคีนิยมด้วย ถือเป็นการสร้างแบบอย่างความร่วมมือระหว่างประเทศภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในทั่วโลก

YIM/LING/LU

  • เสียงข่าวประจำวัน (15-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (15-11-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (15-11-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (14-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (14-11-2567)

陆永江