ช่วงต้นปีใหม่ ผู้สนับสนุนผู้นำสหรัฐฯ บางคนบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ หมายเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง ทำให้เกิดพายุทางการเมืองที่สร้างความตกใจแก่ทั่วประเทศ หลังจากนั้นภายใต้การขับเคลื่อนจากพรรคเดโมแครต สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เริ่มต้นญัตติไต่สวนถอดถอนผู้นำคนปัจจุบัน ครั้งที่ 2 ด้วยเหตุผลว่าเขา "ปลุกระดม" และเหตุผลอื่น ๆ ฉากตลกทางการเมืองสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะเด่นของการแบ่งขั้วทางการเมืองของสหรัฐฯ
สองฝ่ายต่างถือผลประโยชน์พรรคเหนือผลประโยชน์ประเทศและประชาชน ภายใต้การคุมเกมบริหารอำนาจของชนชั้นสูง สองพรรคไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกหรือผิด แต่เป็นการโจมตีกันโดยยึดผลประโยชน์ของพรรค ซึ่งต่างไปจากเจตนารมณ์เดิมของระบบการแบ่งแยกอำนาจทางการเมืองที่จำกัดอำนาจระหว่างฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ
ในการดำเนินการทางการเมืองที่แท้จริง อำนาจของประธานาธิบดีรวมทั้งอำนาจของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถผูกขาดได้โดยฝ่ายเดียว เนื่องจากทั้งสองพรรคต่างมีเป้าหมายในการแสวงหาอำนาจ ความขัดแย้งหรือความรุนแรงในการต่อสู้ระหว่างสองพรรคจึงเป็นเรื่องปกติ ทำให้ยากที่จะสร้างฉันทามติเกี่ยวกับนโยบายสำคัญ หรือแม้กระทั่งทำให้การตัดสินใจเชิงนโยบายที่เกิดจากการประนีประนอมถูกยกเลิกได้ง่าย นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความขัดแย้งทางสังคมหลายเรื่องในสหรัฐฯ ไม่ได้รับการแก้ไขมาเป็นเวลานาน
อีกด้านหนึ่งโครงสร้างทางสังคมของสหรัฐฯ กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ผลประโยชน์ของชนชั้นทางสังคมไม่ได้รับการกระจายอย่างเท่าเทียมและกลุ่มคนต่างไม่พอใจกับนโยบายระดับชาติ เพื่อครองพื้นฐาน ทั้งสองฝ่ายในสหรัฐฯ มีจุดเริ่มต้นของนโยบายที่แตกต่างกันมากในประเด็นต่าง ๆ เช่น สวัสดิการสังคม ความเป็นธรรม และการอพยพย้ายถิ่นฐาน พวกเขาแสดงตัวว่าเป็นฝ่ายค้านที่เข้ากันไม่ได้ในระดับการปกครองประเทศซึ่งในที่สุดจะทำลายผลประโยชน์ของชาวอเมริกัน
หากวิกฤตที่แฝงอยู่ในระบบการเมืองและสังคมอเมริกันไม่สามารถแก้ไขได้ การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจของพรรคที่ทวีความรุนแรงขึ้นจะทำลายพลังของสหรัฐฯ ในที่สุด
tim/kt/cui