หิมะปุยนุ่มละมุน หรือ Powder Snow เป็นผงหิมะละเอียดนุ่ม สามารถหลุดจากปลายนิ้วเวลาสัมผัส เป็นที่นิยมมากที่สุดของบรรดาผู้เล่นสกี
ในฐานะแหล่งหิมะปุยนุ่มละมุนที่มีชื่อเสียงระดับโลก มณฑลจี๋หลินจึงเต็มไปด้วยทรัพยากรน้ำแข็งและหิมะที่ไม่เหมือนใคร ในอดีตการพัฒนาการท่องเที่ยวน้ำแข็งและหิมะของท้องถิ่นยังไม่ดีเท่าที่ควร
เดือนกันยายน ค.ศ. 2018 นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ลงพื้นที่เยือนสามมณฑลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมเป็นประธานการประชุมสัมมนาเกี่ยวกับการฟื้นฟูพื้นที่ดังกล่าวของจีน เขากล่าวย้ำว่า “เราต้องปฏิบัติตามแนวคิดน้ำใสภูเขาเขียวเป็นภูเขาทองภูเขาเงิน น้ำแข็งและหิมะก็เป็นภูเขาทองภูเขาเงินได้เช่นกัน ควรใช้ทรัพยากรและความโดดเด่นในภาคอีสานของจีนเร่งพัฒนาเศรษฐกิจน้ำแข็งและหิมะในเขตหนาว"
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มณฑลจี๋หลินวางแผนใช้ทรัพยากรน้ำแข็งและหิมะเข้ากับอุตสาหกรรมน้ำแข็งและหิมะอย่างละเอียด เพื่อกำหนดเส้นทางการเปลี่ยน "น้ำแข็งและหิมะ" เป็น "ภูเขาทองภูเขาเงิน" ตามสภาพท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการใช้ความโดดเด่นของระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
สถิติจากกรมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวมณฑลจี๋หลิน ตั้งแต่ ค.ศ. 2016 - 2019 มณฑลแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นประมาณ 10 ล้านคนในฤดูหนาวแต่ละปี ตั้งแต่ ค.ศ. 2018 - 2019 มีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศรวม 84.318 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวน้ำแข็งและหิมะที่ 169,808 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 62% และ 86% ตามลำดับเมื่อเทียบกับ ค.ศ. 2015 และ 2016
"การเปลี่ยนเป็นผีเสื้อ" เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเอ้อเหอ ในเขตพื้นที่ภูเขาทางตะวันออกเฉียงใต้ ในตำบลซ่างหยิง เมืองซูหลาน มณฑลจี๋หลิน ตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่นี่ถือเป็นตัวอย่างการพัฒนา "เศรษฐกิจน้ำแข็งและหิมะ" ในท้องถิ่น
โคมไฟส่องสว่างยามค่ำคืนที่หิมะตก นางอู๋ ชิ่งหรง เจ้าของเกสต์เฮาส์แห่งหนึ่งกำลังเร่งเสิร์ฟอาหารไปยังห้องต่าง ๆ ขณะที่สามีของเธอรับหน้าที่พ่อครัว ขณะเดียวกัน เพื่อน ๆ จากหมู่บ้านเดียวกัน 7 - 8 คนก็กำลังยุ่งอยู่กับการทำงาน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของ "หลินไห่ฟาร์มเฮาส์" ในหมู่บ้านเอ้อเหอหลังย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ปัจจุบันเกสต์เฮาส์แห่งนี้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวการเกษตร สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้หลายร้อยคนในเวลาเดียวกัน แต่เมื่อ 4 ปีก่อน ที่นี่มีเป็นเพียงบ้านเก่า ๆ ที่มีห้องพักเพียง 3 ห้องเท่านั้น
ในอดีตชาวบ้านจำนวนมากในหมู่บ้านเอ้อเหอชอบอยู่ที่บ้านเหมือนแมว แต่ก็มีบางคนกล้าออกไปทำธุรกิจ นายหลิว หงฉาย คือหนึ่งในนั้น หลังทำธุรกิจมา 23 ปี เขารู้สึกว่าการกลับไปบ้านเกิดเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดสุดในชีวิต
ก่อนเทศกาลตรุษจีน ค.ศ. 2017 เขาเดินทางกลับบ้านอีกครั้งในคืนที่หิมะตกหนัก เมื่อมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน นายหลิว หงฉายพบโคมไฟสีแดงแขวนอยู่ทุกบ้าน สะท้อนให้เห็นถึงหิมะที่กองขึ้นคล้ายหม่านโถวบนหลังคาสว่างมาก เมื่อเข้าไปในบ้านเขาถามภรรยาจึงได้คำตอบว่าตำบลแห่งนี้กำลังวางแผนที่จะสร้าง “หมู่บ้านแห่งหิมะเอ้อเหอ”
ในตอนแรก นายหลิวไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้ “หมู่บ้านเราคงทำเรื่องท่องเที่ยวได้ยากมาก” เพราะเขาเคยไปทำงานทั้งทางเหนือทางใต้ เคยเห็นหลายหมู่บ้านอยากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวชนบท ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนก็มีหลายหมู่บ้านเองอยากพัฒนาการท่องเที่ยวหิมะ เขาจึงคิดว่า “ผมทำงานเป็นพนักงานขายหลายปีรู้ดีอยู่ว่าสิ่งของทุกอย่างต้องมีจุดขาย แค่มีหิมะที่โปรยลงมาอย่างเดียวคงยากที่จะให้คนชอบมาเที่ยวและจ่ายเงินกับเราได้”
หลิว หงฉาย คงยังไม่ทราบว่าในเวลานั้นจุดขายของหมู่บ้านเอ้อเหอมาจากภาพถ่ายของนายหวัง ฮั่วตง ช่างภาพสมัครเล่นในเมืองซูหลาน นายหลู ฉายซู เลขาธิการพรรคฯ หมู่บ้านเอ้อเหอ กล่าวว่า “ตั้งแต่ ค.ศ. 2012 นายหวัง ฮั่วตง มาเก็บภาพทิวทัศน์ทุกฤดูหนาว แต่ภาพถ่ายก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีเสียงตอบรับเท่าไหร่ ส่วนคนที่มาเที่ยวก็เป็นมือสมัครเล่น พวกเขาเที่ยวกันครั้งละ 2 - 3 คน นอนพักที่บ้านของชาวชนบทเรา”
“ในอดีตหมู่บ้านแห่งนี้มีบรรยากาศเงียบ ๆ ใครก็ไม่อยากใช้เวลาและเงินจำนวนมาก เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และปรับปรุงบริการ” นางหยาง อันตี้ ผู้อำนวยการกรมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวมณฑลจี๋หลิน จึงรู้สึกว่า “จุดเจ็บปวดของอุตสาหกรรมนี้ คือ ทรัพยากรน้ำแข็งและหิมะสามารถมองเห็นได้แต่ไม่ใช่สินค้าที่ใช้ในมือได้ จำเป็นต้องสร้างสะพานเชื่อมระหว่างทรัพยากรกับผลิตภัณฑ์”
ปลายฤดูหนาว ค.ศ. 2014 นายหวัง ฮั่วตง มายังหมู่บ้านเอ้อเหอเพื่อเก็บภาพชาวบ้านที่กำลังเตรียมงานต้อนรับตรุษจีน ภาพถ่ายเหล่านั้นเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในสื่อสังคมออนไลน์และจำนวนนักท่องเที่ยวในหมู่บ้านก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ครอบครัวของนายหลู ฉายซู เลี้ยงวัวมากกว่า 80 ตัว นายหวัง ฮั่วตงมายังบ้านของพวกเขาเพื่อถ่ายภาพฟาร์มเห็นวัวกำลังกินหญ้า ทั้งสองคนได้คุยกันจึงมีความคิดที่ว่าจะร่วมกันพัฒนาการท่องเที่ยว ไอเดียนี้เกิดขึ้นที่คอกวัว
นายหลู ฉายซูนำไอเดียไปเสนอกับเพื่อนบ้านทีละหลัง เดิมที 126 ครัวเรือนในหมู่บ้านมีเพียง 28 ครัวเรือนยอมร่วมมือกันลงทุน มีทุนจดทะเบียนประมาณ 50,000 หยวน จึงตั้งบริษัทพัฒนาการท่องเที่ยวและแขวนป้ายที่เขียนว่า "หมู่บ้านหิมะเอ้อเหอ" เหมือนกับที่นายหลิว หงฉายเห็นเวลากลับมายังบ้านเกิด
ด้วยความอยากจะลองทำดู นายอู๋ ชิ่งหรงก็เข้าร่วมลงทุนด้วยเงิน 2,000 หยวน แต่สิ่งที่คาดคิดไม่ถึง คือ ห้องนอนเพียง 3 ห้อง และอาหารต่าง ๆ เช่น หม้อเหล็กตุ๋นห่านของบ้านเขาเกือบจะรองรับนักท่องเที่ยวไม่ไหว ช่วงฤดูหนาว ค.ศ. 2016 มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาที่หมู่บ้านแห่งนี้จำนวน 30,000 คน สำหรับหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีประชากรเพียง 400 คนแห่งนี้ ชาวบ้านต่างรู้สึกดีใจเพราะเป็นมากกว่าสิ่งที่คาดคิดไว้
จำนวนเกษตรกรที่อยากเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 118 ครัวเรือน คล้ายกับแผงขายสินค้ามีขนาดใหญ่ขึ้นพอจะอัพเกรดได้บ้าง ด้วยความช่วยเหลือของนโยบายจึงมีโอกาสใหม่เกิดขึ้น เดือนกันยายน ค.ศ. 2016 มณฑลจี๋หลินออกความเห็นเกี่ยวกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมน้ำแข็งและหิมะ โดยจะส่งเสริมให้สร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมน้ำแข็งและหิมะในรูปแบบ '3 + X' ซึ่งหมายถึง การท่องเที่ยว กีฬา และวัฒนธรรมหิมะ-น้ำแข็งเป็นหลัก พร้อมพัฒนาควบคู่ไปกับด้านอื่น ๆ ด้วย เดือนมีนาคม ค.ศ. 2017 เมืองซูหลานส่งทีมงานช่วยเหลือและชี้นำการพัฒนาไปประจำยังหมู่บ้านเอ้อเหอเพื่อวางแผนการท่องเที่ยวในท้องถิ่น
“การท่องเที่ยวกับวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่แยกออกจากกันไม่ได้ ความโดดเด่นของหมู่บ้านเอ้อเหอ คือ ประเพณีพื้นบ้านดั้งเดิม การพัฒนาในอนาคตต้องให้สองประเด็นนี้พัฒนาร่วมกัน” นางเหยียน เส่ร์ อดีตประธานสมาคมวัฒนธรรมเมืองซูหลาน และรองหัวหน้าโครงการหมู่บ้านหิมะเอ้อเหอ เสนอไอเดียใหม่แก่ชาวบ้าน
แนวคิดการพัฒนาของชาวบ้านชัดเจนมากขึ้น พวกเขาจึงร่วมกันตกแต่งตะกร้าเก็บข้าวโพดขนาดใหญ่ สร้างเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ติดผ้าห่มแบบดั้งเดิมที่ปักด้วยดอกโบตั๋นบนผนังด้านในของโฮมสเตย์ และรวบรวมของเก่าสร้างพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน เพื่อให้นักท่องเที่ยวเพลิดเพลินกับแต่ละจุดท่องเที่ยว ทำให้การเล่นหิมะ ติดดอกไม้บนหน้าต่าง ทำเกี๊ยว และอื่น ๆ กลายเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ ในสองฤดูหนาวถัดไป จำนวนนักท่องเที่ยวที่หมู่บ้านเอ้อเหอเพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 10 ล้านหยวน
หมู่บ้านเอ้อเหอได้รับความนิยมมากหมู่บ้านรอบข้างจึงทำตามเช่นกัน ในมณฑลจี๋หลินมีหมู่บ้านหิมะเล็ก ๆ ที่มีชื่อเสียงคล้ายกับเอ้อเหอเกือบ 10 แห่ง ปัจจุบันมีบริษัทเหมือนเอ้อเหอที่พัฒนาการท่องเที่ยวฤดูหนาวกว่า 426 แห่ง
ขณะเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงของบ้านเกิด นายหลิว หงฉายมีความรู้สึกมากมายเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้ ในอดีตเมื่อใดก็ตามที่เขาออกไปทำงานยังต่างจังหวัด เขามักต้องให้ภรรยาบอกกับลูกสาวว่าแม่จะพาไปเที่ยวและแอบถือกระเป๋าเดินทางไปที่สถานีรถบัสเอง เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ตั้งแต่ผมเปิดร้านขายเหล้าข้าวฟ่างอีสานที่หน้าบ้าน ผมบอกกับลูกสาวว่าพ่อจะไม่เดินทางไปไหนอีกแล้ว”
เดือนธันวาคม ค.ศ. 2020 คณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์มณฑลจี๋หลินผ่านข้อเสนอเกี่ยวกับการกำหนด "แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปี ฉบับที่14" และเป้าหมายระยะยาว ปี 2035 ของมณฑลจี๋หลิน โดยเสนออย่างชัดเจนว่าจะเน้นพัฒนาเศรษฐกิจน้ำแข็งและหิมะรวมถึงปฏิบัติการเชิงลึก โดยระบุว่า "โอลิมปิกฤดูหนาวจัดขึ้นที่ปักกิ่งสัมผัสหิมะที่จี๋หลิน” สร้างห่วงโซ่สมบูรณ์ที่ถือการท่องเที่ยว การกีฬา วัฒนธรรม และอุปกรณ์เกี่ยวกับหิมะและน้ำแข็งเป็นหลัก สร้างแหล่งท่องเที่ยวหิมะและน้ำแข็งระดับโลกภายใต้แนวคิด “มีประชากร 300 ล้านคนเข้าร่วมกีฬาฤดูหนาว” นายจิ่ง จุ้นไห่ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์มณฑลจี๋หลิน กล่าวว่า การเติบโตของเศรษฐกิจเกี่ยวกับหิมะและน้ำแข็งของเรากำลังมีโอกาสที่หายาก ต้องพยายามพัฒนาพลังขับเคลื่อนใหม่ ทำให้ประชาชนในมณฑลมีความภาคภูมิใจ มีความสุข ตลอดจนมีความร่ำรวยเพราะหิมะ”
Tim/Lei/Lu