ท่วงทำนองของพรรคหนึ่งเป็นภาพลักษณ์ของพรรคนั้นโดยตรง เคยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ท่วงทำนองพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีปัญหาอยู่บ้าง อาทิ แนวคิดเจ้าขุนมูลนาย รูปแบบนิยม กระแสฟุ่มเฟือย และลัทธิเฮโดนิสม์ ได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในสายตาชาวบ้านอย่างรุนแรง ท่วงทำนองที่ไม่ดีเปรียบเสมือนผนังซึ่งทำให้พรรคฯ กับประชาชนแยกออกจากกัน รวมทั้งส่งผลกระทบต่อการบริหารประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างรุนแรง
นายสี จิ้นผิงขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดจีนช่วงปลาย ค.ศ. 2012 โดยตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างสรรค์ท่วงทำนองพรรคการเมือง ภายใต้การผลักดันของเขา กรมการเมือง คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ผ่าน “ข้อกำหนดว่าด้วยการปรับปรุงท่วงทำนองการทำงาน ติดต่อกับชาวบ้านอย่างใกล้ชิด 8 ประการ” หรือที่มีชื่อย่อว่า “ข้อกำหนด 8 ประการ” ซึ่งรวมถึง “ต้องปรับปรุงการตรวจวิจัย เวลาลงพื้นที่ตรวจวิจัยต้องรับทราบสถานการณ์จริง” “การเดินทางต้องเรียบง่าย ลดผู้ติดตามและการรับรอง” “ต้องลดจำนวนการประชุม ปรับท่วงทำนองการประชุม” “เพิ่มประสิทธิผลของการประชุม” “จัดการประชุมให้สั้น พูดให้สั้น งดเว้นการพูดไร้สาระ” เป็นต้น โดยแต่ละประการมีทั้งรูปธรรมและความชัดเจน ในฐานะระเบียบข้อบังคับสำคัญฉบับแรกหลังการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 ซึ่งออกคำสั่งระดมกำลังให้ทั้งพรรคฯ ปรับท่วงทำนองจนเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงท่วงทำนองพรรคฯ ตั้งแต่ระดับสูงสุดจนถึงระดับล่างเพื่อเชิดชูพฤติกรรมที่ดีและปราบปรามพฤติกรรมไม่เหมาะสม
วันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 2012 วันที่ 3 หลังประกาศข้อกำหนด 8 ประการ นายสี จิ้นผิงออกจากกรุงปักกิ่งลงพื้นที่สำรวจวิจัยเป็นครั้งแรก ตลอดช่วง 5 วันที่มณฑลกว่างตง เขาเดินทางอย่างเรียบง่าย ไม่ปิดถนน ไม่ห่างจากชาวบ้าน พักในห้องชุดธรรมดา และรับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์ กล่าวได้ว่า นี่คือตัวอย่างครั้งหนึ่งของนายสี จิ้นผิงที่นำหน้าปฏิบัติตามข้อกำหนด 8 ประการส่วนกลาง
ภายใต้การนำของสี จิ้นผิง ผู้นำประเทศคนอื่น ๆ ของจีนก็ปฏิบัติตามข้อกำหนด 8 ประการ พร้อมทั้งแสดงบทบาทเป็นตัวอย่างจนทำให้ทั้งพรรคฯ เดินไปข้างหน้าตามฝีเท้าของผู้นำส่วนกลาง ทั้งนี้เจตนารมณ์ของข้อกำหนด 8 ประการไม่เพียงแต่เรียกร้องไปยังผู้นำระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเท่านั้น หากยังกลายเป็นข้อเรียกร้องต่อทั้งพรรคฯ ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ส่งเสริมพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้บริหารพรรคเข้มงวดอย่างรอบด้าน
ตั้งแต่ปลายปี 2012 ภายใต้การนำอันเข้มแข็งของนายสี จิ้นผิง พรรคคอมมิวนิสต์จีนผลักดันการปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของข้อกำหนด 8 ประการอย่างไม่ลดละ ตรวจสอบวินัยอย่างเข้มงวด ปราบปรามพฤติกรรมย่ำแย่ที่ชาวบ้านร้องเรียนอย่างมาก อาทิ ใช้เงินหลวงรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม ใช้เงินหลวงไปท่องเที่ยว จัดงานแต่งงานและงานศพขนาดใหญ่ จากเรื่องเล็ก ๆ เช่น ส่งขนมไหว้พระจันทร์ บ๊ะจ่าง ส.ค.ส. ปฏิทิน และจุดดอกไม้ไฟรวมถึงประทัด เป็นต้น ระงับการรับประทานอาหารสิ้นเปลือง ปราบปรามการใช้รถราชการทำธุรกิจส่วนตัว สะสางห้องทำงานที่เกินมาตรฐาน ปรับเปลี่ยนท่วงทำนองไม่ดีงามในคฤหาสน์ และกำจัดรูปแบบนิยม เมื่อถึงเทศกาลก็ต้องมีคำสั่ง เมื่อพบฝ่าฝืนวินัยต้องตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบแล้วก็ต้องรายงานให้ชาวบ้านทราบ ตั้งแต่บังคับใช้ข้อกำหนด 8 ประการเป็นต้นมา จนถึงเดือนมกราคม ค.ศ. 2021 ทั่วประเทศจีนได้ตรวจสอบการฝ่าฝืนเจตนารมณ์ตามข้อกำหนด 8 ประการ กว่า 550,000 รายการ และมีบทลงโทษไปเกือบ 780,000 คน
ตลอดช่วง 8 ปีมานี้ การปรับท่วงทำนองสร้างสรรค์พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้กำจัดโรคเรื้อรังที่อยู่ในพรรคฯ หลายประการ เพิ่มศักยภาพของพรรคฯ ให้ทำตัวอย่างโปร่งใส ปรับตัวให้ดี ปฏิรูป และยกระดับด้วยตนเอง การปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของข้อกำหนด 8 ประการ กลายเป็นเนื้อหาสำคัญด้านการศึกษาภายในพรรคฯ นำสมาชิกพรรคฯ รับทราบ “เส้นแดง” รักษาวินัย รู้จักเคารพ เกรงกลัว ยึดมั่นอุดมการณ์ และมีจิตสำนึกรับใช้ประชาชน โดยมาตรการที่มีพลังและประสบการณ์ที่ประสบผลสำเร็จจากการสร้างสรรค์ท่วงทำนองก็ได้ค่อย ๆ กลายเป็นระบบ และบังคับสมาชิกพรรคฯ ด้วย ภาพลักษณ์ของสมาชิกพรรคฯ ใกล้ชิดกันมากขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคฯ กับชาวบ้านแน่นแฟ้นกันยิ่งขึ้น กล่าวได้ว่าข้อกำหนด 8 ประการกลายเป็นนามบัตรอันโดดเด่นของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
พร้อมไปกับท่วงทำนองการบริหารประเทศของพรรคฯ ที่เปลี่ยนโฉมหน้าใหม่และกระแสสังคมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ภาพลักษณ์พรรคคอมมิวนิสต์จีนในสายตาประชาชนได้รับการปรับปรุงไปอย่างมากจนได้รับการยอมรับและชื่นชมอย่างสูงจากชาวบ้าน
นางสาวอู๋ จินตัน ชาวเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า กระแสขณะนี้ดีมาก เจ้าหน้าที่ทุกคนทำเรื่องให้ชาวบ้านอย่างจริงจัง กระแสฟุ่มเฟือย รูปแบบนิยมเปลี่ยนไปอย่างมาก
นางหลิว ซิ่วโหรง ชาวกรุงปักกิ่ง รู้สึกประทับใจอย่างลึกซึ้งต่อข้อกำหนด 8 ประการส่วนกลางมาก ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะตัวอย่างเช่นการใช้รถราชการ และใช้เงินหลวงจัดงานเลี้ยงน้อยลง การตรวจสอบของชาวบ้านต่อเจ้าหน้าที่และองค์กรรัฐบาลจึงมีประสิทธิผลมากขึ้น สมาชิกพรรคและเจ้าหน้าที่ล้วนสามารถบังคับตัวเองให้เข้มงวดยิ่งขึ้น ตลอดจนทำให้ชาวบ้านรู้สึกถึงความโปร่งใสและมีกระแสตอบรับที่ดี
(Tim/Cui/Lu)