ในประเทศจีน “คุณยายคนหนึ่ง” อาศัยอยู่ในชนบทเหมือนชาวนาทั่วไป แต่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงเรียกคุณยายคนนี้ว่า “คุณน้า” อย่างสนิทสนม และเคยพบกับคุณยาย 2 ครั้ง ท่านผู้ฟังอาจจะสงสัยว่า คุณยายคนนี้มีภูมิหลังอย่างไรจึงได้รับการยกย่องชื่นชมจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำสูงสุดของจีน มาติดตามรับฟังกัน
คุณยายคนนี้ชื่อ “กง เฉวียนเจิน” อายุกว่า 90 ปีแล้ว เธอเป็นภริยาของนายพลกาน จู่ชาง ผู้ได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นนายพลผู้สร้างสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อสาธารณรัฐประชาชนจีนก่อตั้งขึ้นแล้ว นายพลกาน จู่ชาง กลับขอกลับบ้านเกิดทำอาชีพชาวนาที่มณฑลเจียงซี
นายพลกาน จู่ชาง รู้จักกับกง เฉวียนเจิน ที่เขตซินเจียง กงเฉวียนเจิน เรียนจบวิชาเอกการศึกษาจากมหาวิทยาลัยซีเป่ย แล้วก็ไปสอนหนังสือที่โรงเรียนลูกหลานทหารเขตซินเจียง สมัยนั้น กานจู่ชาง กำลังประจำการที่ซินเจียง สองคนรู้จักกันและแต่งงานกันที่นั่น
เนื่องจากกานจู่ชางเห็นว่า ตัวเองมีอาการแทรกซ้อนที่ตกค้างจากการบาดเจ็บสาหัสในสงคราม ยากที่จะดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำทหารต่อไป เลยขอลาออกจากราชการและพาครอบครัวกลับบ้านเกิดตน ซึ่งปีนั้น กงเฉวียนเจิน มีอายุเพียง 34 ปีเท่านั้น
เมื่อกลับบ้านเกิดของนายพลแล้ว กงเฉวียนเจินก็ได้ติดต่อกับกรมการศึกษาของอำเภอ ทางกรมฯจัดให้เธอไปสอนหนังสือที่โรงเรียนมัธยมต้นจิ่วตู ซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ สภาพโรงเรียนไม่ดีเลย มีครูเพียง 3 คน ไม่มีครูใหญ่ แต่เธอไม่เห็นเป็นปัญหาอะไร
วันรุ่งขึ้นก็เอาผ้าห่มไปที่โรงเรียน และวันทำงานก็อยู่โรงเรียนตลอด มีแต่สุดสัปดาห์เท่านั้นจึงกลับบ้านทำงานบ้าน และดูแลสามีกับลูก ต่อมา ทางกรมฯมีแผนจะจัดให้เธอไปเป็นครูใหญ่โรงเรียนประถมหนานโพ แต่เกรงใจว่าให้เธอเปลี่ยนจากสอนเด็กมัธยมมาเป็นการสอนเด็กประถม เธออาจจะไม่ยอมไป
แต่คาดไม่ถึงว่า เมื่อคุยเรื่องนี้กับกงเฉวียนเจิน เธอยิ้มพร้อมบอกว่า ขอให้สอนหนังสือได้ อยู่กับเด็กๆได้ จะสอนที่โรงเรียนมัธยมหรือประถมก็ได้ทั้งนั้น เธอจึงไปสอนหนังสือที่โรงเรียนประถมหนานโพ
ต่อมาได้ไปสอนหนังสือที่โรงเรียนหานเจียอีก 50 กว่าปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว กง เฉวียนเจิน ใช้ชีวิตในชนบทตลอดมา ระหว่างที่สอนหนังสือในโรงเรียนชนบท เธอก็เคยถอดรองเท้าทำนา และแบกจอบขึ้นภูเขา แม้เกษียนอายุแล้ว เธอยังคงบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือเด็กยากจน และจัดบรรยายให้เด็กๆ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
กง เฉวียนเจิน กล่าวว่า กานจู่ชาง ผู้เป็นสามีมีอิทธิพลอย่างสูงต่อเธอ ช่วง 29 ปีตั้งแต่กลับบ้านเกิดถึงปีถึงแก่กรรม กานจู่ชางร่วมทุกข์ร่วมสุขกับชาวบ้านในชนบท บริจาคเงินเดือนของตนเพื่อบุกเบิกภูเขารกร้าง ปรับปรุงสภาพที่ดิน สร้างระบบชลประทาน สร้างสถานีกำเนิดไฟฟ้า และสร้างโรงเรียนให้เด็กๆ
กานจู่ชางเคยกล่าวว่า เมื่อมีชีวิตอยู่ ก็ต้องทำงานเพื่อพรรคและประชาชน ทำเรื่องใหญ่ไม่ได้ก็ทำเรื่องเล็ก ทำงานซับซ้อนไม่ได้ก็ทำงานง่ายๆ จะได้รับค่าตอบแทนโดยไม่สร้างประโยชน์ใดๆไม่ได้เด็ดขาด หลายสิบปีมานี้ กงเฉวียนเจิน จดจำคำกล่าวของสามีอย่างแม่นยำไม่เคยลืมแม้แต่วันเดียว
ปี 1998 เผิงเอี้ยนเฟิง เด็กโรงเรียนมัธยมเฉิงเซียงของอำเภอเหรียนฮัว เขียนเรียงความเรื่องหนึ่ง มีหัวข้อว่า “คุณยายกงเฉวียนเจิน ผู้ช่วยให้ครอบครัวหนูพ้นจากวิกฤต” 15 ปีให้หลัง สาวน้อยคนนี้โตเป็นครูดีเด่นในโรงเรียนมัธยม
เมื่อพูดถึงกงเฉวียนเจิน เผิงเอี้ยนเฟิงเรียกว่า “คุณยาย” อย่างเป็นธรรมชาติ สนิทสนมเหมือนคุณยายกับหลานสาว เผิงเอี้ยนเฟิงเคยบอกว่า ดิฉันรู้จักกับคุณยายกงในปี 1995 การได้รู้จักกับท่าน ถือว่าเป็นโชคของเธอและทั้งครอบครัว
สมัยนั้น ครอบครัวเผิงเอี้ยนเฟิงมีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างยากลำบาก คุณพ่อป่วยหนักทำงานไม่ได้ คุณแม่อิ่นยุ่นเจียว รู้จักกับกงเฉวียนเจินโดยบังเอิญ ตั้งแต่นั้นมา เผิงเอี้ยนเฟิงจึงได้เป็นสมาชิม “ทีมการศึกษาเพื่อความสุข” ซึ่งเป็นทีมที่กงเฉวียนเจิน จัดตั้งขึ้น เผิงเอี้ยนเจินทบทวนเรื่องราวในสมัยนั้นว่า คุณยายดูแลฉันอย่างดี มักจะสอบถามถึงสภาพการเรียนของฉันบ่อยๆ และใช้ท่าทีการใช้ชีวิตที่แข็งขันเพื่อให้กำลังใจฉัน
แต่เวลาผ่านไปไม่นาน คุณแม่อิ่นยุ่นเจียวถูกปลดออกจากตำแหน่งงาน ครอบครัวตกอยู่ในสภาพที่ยากลำบากยิ่งกว่าเดิม เมื่อรู้ว่าอิ่นยุ่นเจียวเป็นช่างตัดเสื้อ มีฝีมือตัดเสื้อดี กงเฉวียนเจิน จึงเสนอให้เธอไปทำธุรกิจเล็กๆ ที่ห้างสรรพสินค้าของท้องถิ่น และให้เงิน 500 หยวนเป็นทุนเริ่มทำกิจการด้วย ซึ่ง 500 หยวนในสมัยนั้นถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่แล้ว
อิ่นยุ่นเจียวจึงใช้เงิน 500 หยวนนี้เปิดร้านที่ห้าง โดยรับจ้างเย็บเสื้อผ้า ซ่อมรองเท้า และร่ม ความขยันของเธอทำให้ธุรกิจเธอดีขึ้นเรื่อยๆ ชีวิตความเป็นอยู่ก็ดีขึ้นเหมือนกัน เผิงเอี้ยนเฟิงจึงเขียนเรียงความดังกล่าว เพื่อแสดงความขอบคุณในบุญคุณของคุณยายกงเฉวียนเจิน
ทว่าปี 2005 เผิงเอี้ยนเฟิงกำลังเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยอยู่ อิ่นยุ่นเจียวตรวจพบว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เนื่องจากที่บ้านมีเงินไม่มาก เธอจึงไม่ยอมรับการรักษา เพราะอยากเก็บเงินที่เหลือให้ลูกสาวตน
เมื่อกงเฉวียนเจิน ได้ยินเรื่องนี้ ก็บริจาคเงิน 4,000 หยวนให้อิ่นยุ่นเจียว ให้กำลังใจเธอเพื่อให้เธอสู้กับโรคอย่างแข็งขัน นอกจากนี้ กงเฉวียนเจิน ช่วยติดต่อโรงพยาบาลให้อิ่นยุ่นเจียวด้วย ครอบครัวนี้จึงได้พ้นจากวิกฤตอีกครั้ง
คนที่เคยได้รับความช่วยเหลือจากกงเฉวียนเจิน มีมากมาย หลายปีมานี้ เธอบริจาคเงินให้ครอบครัวยากจนถึง 1 แสนหยวน ผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากเธอมีกว่า 100 คน แม้เงินเดือนของเธอมีเพียง 3,000 หยวนต่อเดือนเท่านั้น
ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงกล่าวปราศรัยขณะพบกับผู้ได้รับรางวัลบุคคลตัวอย่างด้านคุณธรรมแห่งชาติครั้งที่ 4 เมื่อปี 2013 ว่า ข้าพเจ้าขอแนะนำสหายกงเฉวียนเจิน ผู้ได้รับรางวัลต้นแบบด้านคุณธรรมแห่งชาติ เธอเป็นภริยาของกานจู่ชาง นายพลผู้ร่วมสร้างสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่กลับยืนหยัดขอกลับไปทำนาที่ชนบท
สหายกงเฉวียนเจิน ผู้เป็นภริยาก็ได้ติดตามกานจู่ชางไปใช้ชีวิตลำบากที่ชนบทด้วย ช่วงกว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา สหายกงเฉวียนเจิน มีจิตใจต่อสู้อย่างแรงกล้า และสมควรได้รับรางวัลต้นแบบด้านคุณธรรมอย่างยิ่ง ซึ่งเธอได้มาร่วมงานพบปะในวันนี้ด้วย
ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจมาก ขอแสดงความเคารพอย่างสูงส่งแด่สหายกงเฉวียนเจิน พวกเราต้องสืบทอดจิตวิณณาณแห่งการต่อสู้กับความยากลำบากอย่างกล้าหาญนี้ต่อไปทุกชั่วรุ่น
(Yim/cici)