ช่วงประมาณครึ่งเดือนมานี้ ภาพยนตร์เรื่อง “บนหน้าผา (Cliff Walkers)” ออกฉายในจีนแผ่นดินใหญ่และได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวาง ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ได้บอกเล่าเหตุการณ์ช่วงทศวรรษ 1930 ของศตวรรษที่ 20 สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ฝ่าอุปสรรคความยากลำบากนานัปการขณะดำเนินภารกิจลับ เพื่อต่อสู้กับศัตรูด้วยอุดมการณ์แรงกล้า ที่ยอมได้แม้ต้องสละชีพของตน ซึ่งผู้เขียนได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้มาแล้ว และมีความประทับใจมากที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถ่ายทอดภาพของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนไว้อย่างมีชีวิตชีวาและแท้จริง พวกเขายึดมั่นในศรัทธาและพร้อมพลีชีพได้เพื่อชาติ ขณะเดียวกันก็ฝากความหวังไว้กับครอบครัวและความรักที่มีอยู่เต็มหัวใจ พวกเขาใช้การกระทำอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองที่เล็กกับตัวเองที่ใหญ่ ครอบครัวกับประเทศ
ฉากหลังของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนที่ถูกทหารญี่ปุ่นเข้ายึดครอง สายสืบพรรคคอมมิวนิสต์จีน 4 คนที่ประกอบด้วยนายจาง เสี้ยนเฉิน นางสาวเสี่ยวหลาน นายฉู่ เหลียง และนางหวัง ยวี่ เดินทางไปเมืองฮาร์บิน เพื่อภารกิจลับที่มีชื่อว่า “อูเท่อลา” เปิดโปงการก่ออาชญากรรมทำการทดลองกับมนุษยชาติของทหารญี่ปุ่นผู้รุกราน แต่เนื่องจากมีคนทรยศ ร่องรอยของพวกเขาจึงถูกเปิดเผย ต้องสู้กับศัตรูอย่างยากลำบาก มีทั้งฉากสงครามปืนในคืนหิมะตก การไล่ล่าในตรอกมืด หรือฉากทรมานเพื่อบังคับให้สารภาพ ล้วนสร้างความระทึกใจให้กับผู้ชมอย่างมาก และเมื่อสายสืบ 4 คนต้องตกที่นั่งลำบาก “โจว อี่” สมาชิกพรรคใต้ดินที่แฝงตัวอยู่ในค่ายศัตรูจำต้องยื่นมือเข้าช่วย ประลองกำลังที่เกี่ยวพันถึงความเป็นความตาย ดันเรื่องราวให้ขึ้นสู่จุดพีคในที่สุด
ปฏิบัติการลับในเรื่องที่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้าร่วมนั้น มีชื่อว่า “อูเท่อลา” ในภาษารัสเซีย “อูเท่อลา” หมายถึงรุ่งอรุณ เป็นการบ่งบอกว่า เมื่อฟ้าสางทุกอย่างก็จะดีเอง ก่อนที่ประเทศจีนใหม่สถาปนาขึ้น มีนักปฏิวัตินับพันนับหมื่นคนพลีชีพเพื่อชาติ มีสหายจำนวนมากต้องเป็นสายสืบอย่างในภาพยนตร์ พวกเขาต้องปกปิดชื่อแซ่ของตน บุกเข้าไปในรังศัตรู เสี่ยงชีวิตทุกขณะ ต้องฝากลูกให้คนอื่นช่วยดูแล ทำหน้าที่ของตนอย่างหาญกล้าก่อนอรุณรุ่งจะมาเยือน เพื่อศรัทธาพวกเขายอมฝากความหวังไว้กับสหายคนอื่น ยอมรับกระสุนนัดสุดท้ายไว้กับตัวเอง เหมือนประโยคหนึ่งในเรื่องที่กล่าวไว้อย่างน่าสะเทือนใจที่สุดว่า “ฉันอยากให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไป จนได้เห็นฟ้าสาง”
หลังจากชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว สิ่งที่ตราตรึงในความรู้สึกของผู้ชมอย่างมากคือ สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีความซื่อสัตย์จงรักภักดี และมีหัวใจที่เปี่ยมด้วยความอบอุ่นอย่างมาก
อย่างเช่น สมาชิกพรรคฯ 4 คนนี้ นายจาง เสี้ยนเฉินกับนางหวัง ยวี่ เป็นคู่สามีภรรยา มีลูกสองคน ส่วนนายฉู่เหลียงกับนางสาวเสี่ยวหลาน เป็นคู่รัก แต่เนื่องจากภารกิจพิเศษนี้ สามีภรรยากับคู่รักไม่สามารถอยู่ทีมเดียวกันได้ พวกเขาต้องแยกทำงานเป็นสองทีม
ระหว่างปฏิบัติการ นายจาง เสี้ยนเฉิน เห็นลูกทั้งสองของตนต้องระเหเร่ร่อนไปขออาหารกินจากคนอื่น เนื่องจากฐานะที่พิเศษของตัวเอง เขาไม่สะดวกแสดงตนกับลูก แต่ด้วยความรักเต็มเปี่ยมของหัวอกคนเป็นพ่อ เขาก็หาโอกาสยัดเงินให้กับลูกๆ ส่วนนางสาวเสี่ยวหลาน เมื่อได้ยินข่าวที่แฟนต้องพลีชีพก็หลั่งน้ำตาออกมา นี่ก็คือความจริง ภาพลักษณ์ของฮีโร่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนเหล่านี้มีหลายแบบไม่ใช่หน้าเดียว พวกเขาหลอมรวมความจงรักภักดีต่อพรรค และประเทศเข้ากับความรักระหว่างสามีภรรยา ความรักระหว่างคู่รัก และความรักต่อลูกไว้ในตนเอง เป็นผู้ที่ประวัติศาสตร์ต้องจดจำ และผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในวันนี้ต้องสำนึกบุญคุณอยู่ตลอด
อาจมีคนถามว่า ทำไมฮีโร่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนเหล่านี้จึงเลือกทางเดินแบบนี้ ผู้เขียนคิดว่า ในวัฒนธรรมหลายพันปีของจีน มักจะกล่าวถึงตัวฉันที่เล็กกับตัวฉันที่ใหญ่ โดยเน้นว่า ตัวฉันที่เล็กต้องยอมตัวฉันที่ใหญ่ ขณะเดียวกันก็ให้ความใส่ใจกับคนทุกคน ครอบครัวเป็นประเทศที่เล็กที่สุด ประเทศประกอบไปด้วยนับพันนับหมื่นครอบครัว ชะตากรรมของทุกครอบครัวเล็กกับชะตากรรมของประเทศและประชาชาติเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด เมื่อเข้าใจความผูกพันระหว่างครอบครัวกับประเทศแล้ว ก็จะเข้าใจการตัดสินใจของเหล่าฮีโร่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนนี้ได้
(Yim/Cui)