นายสี จิ้นผิง ผู้นำสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและประเทศจีนให้ความสำคัญกับงานด้านนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลังจากการประชุมสมัชชาชุดที่ 18 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนสิ้นสุดลง นายสี จิ้นผิงเคยพูดถึงความหมายสำคัญที่นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีต่อจีนในยุคปัจจุบัน และเสนอความคิดเห็นใหม่และคำชี้นำใหม่หลายประเด็น โดยเน้นว่าจีนต้องยืนหยัดการให้นวัตกรรมอยู่ในตำแหน่งศูนย์กลางของการพัฒนาประเทศ
วันที่ 30 พ.ค. 2016 จุดเริ่มต้นของแผนพัฒนาประเทศ “ระยะ 5 ปี ฉบับที่ 13” จีนจัดการประชุมสำคัญของวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3 ครั้งพร้อมกัน โดยนายสี จิ้นผิง กล่าวปราศรัยในหัวข้อ “มุมานะต่อสู้เพื่อสร้างสรรค์ให้ประเทศแข็งแกร่งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลก” เขาพูดตอนหนึ่งว่าต้องยืนอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของการพัฒนาประเทศของจีน ผลักดันให้นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ประกาศการสร้างสรรค์ประเทศให้แข็งแกร่งในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลก
หลังจากนั้น “การสร้างสรรค์ประเทศให้แข็งแกร่งทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลก” ได้ถูกกำหนดให้เป็นแนวปฏิบัติของประเทศจีนอย่างเป็นทางการ
นายสี จิ้นผิง กำหนดระยะเวลาของปฏิบัติการดังกล่าว คือเมื่อถึงปี 2020 จีนจะพัฒนาเป็นประเทศเชิงนวัตกรรม และถึงปี 2030 จีนจะพัฒนาเป็นประเทศนำหน้าในประเทศเชิงนวัตกรรม จนถึงปี 2049 ซึ่งครบรอบ 100 ปี ของการสถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน จีนจะพัฒนากลายเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีในระดับโลก
ตั้งแต่การจัดการยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมที่กำหนดขึ้นในการประชุมสมัชชาครั้งที่ 18 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน จนถึงการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 5 ของการประชุมสมัชชาครั้งที่ 18 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน มีการเสนอแนวคิดการพัฒนา 5 ประการโดยวาง “นวัตกรรม” อยู่ในอันดับแรก แล้วการประชุมสมัชชาครั้งที่ 19 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเสนอว่า ต้องเร่งสร้างสรรค์ประเทศเชิงนวัตกรรมให้เร็วยิ่งขึ้น คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีนายสี จิ้นผิงเป็นแกนนำนั้น ยืนหยัดที่จะใช้นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ทุ่มเทกำลังในด้านสำคัญ ซึ่งมีผลคืบหน้าและผลงานจำนวนมาก
Zhou/Dan/Bo