วันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เดินทางไปตรวจเยี่ยมฟาร์มไซ่ฮั่นป้า มณฑลเหอเป่ย การที่ผู้นำสูงสุดของจีนไปตรวจเยี่ยมฟาร์มไซ่ฮั่นป้าเป็นทั้งการยืนยันและชื่นชมต่อการฟันฝ่าต่อสู้และความอดทนเป็นเวลาหลายสิบปีของชาวไซ่ฮั่นป้า ทั้งยังเป็นการประกาศอีกครั้งว่าต้องขับเคลื่อนการสร้างสรรค์อารยธรรมทางระบบนิเวศอย่างต่อเนื่อง
ฟาร์มไซ่ฮั่นป้าอยู่ทางเหนือของเมืองเฉิงเต๋อ มณฑลเหอเป่ย และทางใต้ของพื้นที่ดินทรายหนซั่นต๋าเค่อ เขตมองโกเลียใน ในอดีตบริเวณนี้มีทั้งป่าไม้ ลำธาร ทุ่งหญ้าที่อุดมสมบูรณ์ รวมถึงสัตว์และนกนานาชนิด ตั้งแต่ครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา เนื่องจากการทำไร่ไถนามีการตัดไม้ขนานใหญ่ ป่าดิบค่อย ๆ เสื่อมสภาพเป็นดินทรายและกลายเป็นถิ่นทุรกันดารที่มักมีพายุทรายพัดโหมอย่างรุนแรงบ่อยครั้ง
ทศวรรษ 1950 กรุงปักกิ่งมักมีพายุทรายเกิดขึ้นบ่อย ด้วยเหตุนี้ อดีตกระทรวงป่าไม้จีนลงมติตั้งฟาร์มป่าไม้ขนาดใหญ่ของรัฐขึ้นที่เขตป้าซ่าง ทางเหนือของมณฑลเหอเป่ย เพื่อเปลี่ยนโฉมธรรมชาติในท้องถิ่น
ค.ศ. 1962 ฟาร์มป่าไม้จักรกลไซ่ฮั่นป้าตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ เดือนกันยายนปีเดียวกันพนักงานจำนวน 369 คน จากพื้นที่ต่าง ๆ ชุมนุมกันที่ฟาร์มแห่งนี้ ในจำนวนนี้มีอยู่ส่วนหนึ่งเป็นนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาอาชีวศึกษาและนักศึกษาที่จบอนุปริญญา
เวลานั้นพนักงานดังกล่าวประสบความยากลำบากเหนือความคาดคิด ดินฟ้าอากาศบริเวณฟาร์มไซ่ฮั่นป้ามีฤดูหนาวเป็นเวลานาน อุณหภูมิต่ำสุดติดลบ 43.3 เซลเซียส ในรอบปีมีอยู่ 7 เดือนที่ฟาร์มไซ่ฮั่นป้าปกคลุมด้วยหิมะ จำนวนวันที่ไม่มีน้ำค้างแข็งเฉลี่ยเพียง 64 วันต่อปี จำนวนวันที่มีพายุรุนแรงระดับ 6 ขึ้นไปราว 76 วันต่อปี พนักงานฟาร์มไซ่ฮั่นป้ารับประทานอาหารทำจากข้าวโพดเป็นหลัก ดื่มน้ำที่ละลายจากหิมะ และอาศัยอยู่ในกระท่อม พนักงานฟาร์มไซ่ฮั่นป้าเสียสละมากมายและมุ่งมั่นทำงานด้วยความอดทน
เนื่องจากขาดแคลนประสบการณ์ในการปลูกต้นไม้บนพื้นที่สูงเหนือระดับน้ำทะเลและมีอุณหภูมิต่ำ อัตราการอยู่รอดของกล้าไม้ในช่วง 2 ปีแรกของการตั้งฟาร์มไซ่ฮั่นป้าต่ำกว่า 8% แต่ชาวไซ่ฮั่นป้าไม่ยอมจำนวนต่อความยากลำบาก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปลูกป่า พนักงานได้ปรับปรุงและพัฒนาเครื่องปลูกต้นไม้ตามลักษณะภูมิประเทศในท้องถิ่น และปรับปรุงวิธีการเพาะพันธุ์ไม้ดั้งเดิม ประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกในการเพาะพันธุ์เมล็ดต้นไม้ด้วยแสงอาทิตย์ล้วนบนพื้นที่สูงเหนือระดับน้ำทะเลและมีอุณหภูมิต่ำ
เมื่อเห็นต้นอ่อนอันเขียวขจีบรรดาพนักงานต่างปลื้มใจมากกระทั่งน้ำตาไหล จากนั้นฟาร์มไซ่ฮั่นป้าเริ่มการปลูกป่าอย่างรอบด้าน โดยสร้างพื้นที่ป่ามากสุดถึง 80,000 โหม่วต่อปี
ตลอดช่วงหลายสิบปีมานี้ ชาวไซ่ฮั่นป้า 3 รุ่น รวมถึงรุ่นอาวุโส รุ่นกลาง และรุ่นหนุ่มสาว สร้างพื้นที่ป่าไม้กว่าหนึ่งล้านโหม่วซึ่งเป็นป่าปลูกใหญ่ที่สุดในโลก อัตราการครอบคลุมของป่าไม้ในท้องถิ่นมีถึง 80% ซึ่งช่วยยับยั้งไม่ให้ดินทรายในเขตหนซั่นต๋าเค่อขยายตัวไปยังทิศใต้ นอกจากนี้ ทุกปีฟาร์มไซ่ฮั่นป้ายังหล่อเลี้ยงแหล่งน้ำคิดเป็น 274 ล้านลูกบาศก์เมตรแก่เขตหวาเป่ยของจีน ถือเป็นแนวกั้นทางระบบนิเวศที่มั่นคงในภูมิภาคกรุงปักกิ่งและนครเทียนจิน สร้างปาฏิหาริย์สีเขียวซึ่งเปลี่ยนถิ่นทุรกันดารเป็นป่าไม้
การที่ฟาร์มไซ่ฮั่นป้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวนั้นเป็นตัวอย่างดีของจีนที่มุ่งมั่นปรับปรุงระบบนิเวศให้ดีขึ้นและพัฒนาอย่างมีคุณภาพ ฟาร์มไซ่ฮั่นป้าเป็นตัวอย่างการปฏิบัติตามแนวคิด “น้ำใสภูเขาเขียว คือ ภูเขาทองภูเขาเงิน” ระบบนิเวศที่ดีของฟาร์มไซ่ฮั่นป้าขับเคลื่อนการท่องเที่ยวชนบท การท่องเที่ยวบ้านเกษตรกร การแปรรูปผลิตผลพื้นบ้าน และอุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ ในท้องถิ่นให้พัฒนาอย่างรวดเร็ว สร้างรายได้ให้สังคมมูลค่า 600 ล้านหยวนต่อปี ทั้งยังผลักดันอย่างมีพลังต่อการทำให้หมู่บ้านรอบข้างหลุดพ้นจากความยากจนและมุ่งสู่ความมั่งคั่ง
ปธน.สี จิ้นผิง เอาใจใส่ฟาร์มไซ่ฮั่นป้ามาโดยตลอด เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2017 ปธน.สีชื่นชมผลงานของฟาร์มไซ่ฮั่นป้าว่า “บรรดาผู้ก่อตั้งฟาร์มไซ่ฮั่นป้าได้สร้างปาฏิหาริย์ในการเปลี่ยนถิ่นทุรกันดารให้เป็นป่าไม้ โดยใช้ปฏิบัติการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อบรรลุแนวคิด “น้ำใสภูเขาเขียว คือ ภูเขาทองภูเขาเงิน” รังสรรค์จิตวิญญาณของชาวฟาร์มไซ่ฮั่นป้าซึ่งก็คือ จดจำภารกิจ ใช้ความอดทนในการบุกเบิก เพื่อการพัฒนาแบบสีเขียว”
ปีเดียวกันฟาร์มไซ่ฮั่นป้าได้รับรางวัลผู้คุ้มครองโลกซึ่งเป็นเกียรติสูงสุดด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ
การสร้างสรรค์อารยธรรมทางระบบนิเวศเป็นภารกิจยิ่งใหญ่นับหมื่นปีที่มีคุณูปการในปัจจุบัน แต่ได้ประโยชน์ยาวนาน ในใจของปธน.สีมีแผนยิ่งใหญ่ที่มุ่งสู่อนาคตเกี่ยวกับหนทางการพัฒนาแบบสีเขียว
ตั้งแต่ ค.ศ. 2013 เป็นต้นมา ถึงฤดูใบไม้ผลิของทุกปี ปธน.สีมักจะไปปลูกต้นไม้ตามพื้นที่ต่าง ๆ ของกรุงปักกิ่งเสมอ ต้นไม้เหล่านี้ถือเป็นเมล็ดแห่ง “แนวคิดที่จะพัฒนาระบบนิเวศก่อน” และ “แนวคิดการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและใช้ความพยายามอย่างไม่ลดละ”
ปีหลัง ๆ นี้ จีนใช้ปฏิบัติการปลูกต้นไม้ขนานใหญ่ทั่วประเทศ โดยสร้างพื้นที่ป่าไม้กว่า 100 ล้านโหม่วต่อปี นอกจากนี้พื้นที่ป่าและปริมาณป่าไม้สะสมเติบโตขึ้นติดต่อกันเป็นเวลา 30 ปี
พร้อมกับการเข้าสู่ขั้นตอนการพัฒนาใหม่จีนขับเคลื่อนการสร้างสรรค์อารยธรรมทางระบบนิเวศอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน มีมาตรฐานสูงยิ่งขึ้น และลงเรี่ยวลงแรงมากยิ่งขึ้น
ปธน.สี ระบุว่า ในช่วงดำเนินแผนพัฒนาระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 ระหว่าง ค.ศ. 2021 - 2025 เป็นช่วงสำคัญในการสร้างสรรค์ระบบนิเวศที่ถือการลดการปล่อยคาร์บอนเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ เสริมประสิทธิภาพการบรรเทามลภาวะและลดการปล่อยคาร์บอนพร้อมกัน ส่งเสริมให้การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมมุ่งไปในทิศทางสีเขียวอย่างรอบด้าน เพื่อให้ระบบนิเวศเกิดการเปลี่ยนแปลงจากที่เน้นปริมาณเป็นเน้นคุณภาพ ต้องปฏิบัติตามแนวคิดการพัฒนาใหม่อย่างสมบูรณ์ ถูกต้อง แม่นยำ และรอบด้าน ตลอดจนพิจารณาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจากแนวคิดที่มนุษย์กับธรรมชาติจะดำรงอยู่ร่วมกันอย่างปรองดองและกลมกลืนกัน
(Tim/Zhou/Lu)