‘ซู ปิ่งเทียน’ความภาคภูมิใจของจีน และตำนานแห่งเอเชีย (2)

2021-09-09 16:04:49 | ไชน่ามีเดียกรุ๊ป
Share with:

‘ซู ปิ่งเทียน’ ความภาคภูมิใจของจีน และตำนานแห่งเอเชีย(2)_fororder_微信图片_20210909153130

เนื่องจากความแตกต่างกันทางพันธุกรรม นักวิ่งผิวดำครองความเหนือกว่าอันโดดเด่นตามธรรมชาติของร่างกาย ความอดทน ความเร็ว การกระโดด ฯลฯ แต่สำหรับการวิ่งชิงแชมป์ระยะสั้น คนผิวเหลืองดูเหมือนเสียเปรียบแต่กำเกิด ผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์การกีฬาแสดงว่าพลังระเบิดของกล้ามเหนือคนผิวเหลืองเฉลี่ยต่อคน เป็นเพียงครึ่งหนึ่งของคนผิวดำและเป็นประมาณ 70% ของคนผิวขาว ถ้าไม่เข้าใจตรงนี้ก็ย่อมไม่ทราบว่าคนผิวเหลืองแข่งวิ่งเร็วกับคนผิวดำและคนผิวขาวจะยากขนาดไหน สำหรับชาวเอเชียแท้ๆ เวลา 10 วินาทีก็ถือเป็นเป้าหมายวิ่ง 100 เมตรนั่นแสนลำบาก ดังนั้นผลงาน 9.98  วินาทีของซู ปิ่งเทียนในรอบชิงโอลิมปิกโตเกียวเป็นสิ่งมหัศจรรย์ก็ว่าได้

ใครที่ได้ดูการถ่ายทอดสดการแข่งขันกรีฑาของโอลิมปิกโตเกียวเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ก็คงจำได้ว่าการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรชาย รอบชิงชนะเลิศ จัดขึ้นภายในช่วง 2 ชั่วโมงครึ่งหลังแข่งรอบรองชนะเลิศเสร็จ สำหรับซู ปิ่งเทียน นักวิ่งชาวเอเชียวัย 32 ปี ซึ่งลงแข่งแบบทุ่มเทสุดขีดจนแทบจะเผาผลาญตัวเอง เวลาพักผ่อนหายเหนื่อยยิ่งนานยิ่งดี สำหรับนักวิ่งระยะสั้นทั่วไปที่เลือกเกษียณตอนอายุ 26 – 28 ปี ซู ปิ่งเทียนที่ยืนหยัดอดทนฝึกซ้อมขยายอาชีพนักวิ่งถึงวัย 32 ปี แน่นอนว่าเขายากที่จะฟื้นฟูกำลังกายและภาวะเข้มแข็งภายในระยะเวลาเพียง 2 ชั่วโมงเศษๆ เมื่อเทียบกับคู่แข่งผิวดำไฟแรงที่มีอายุ 20 ต้นๆ มีเหตุผลเพียงพอให้เชื่อมั่นว่า หากการวิ่ง 100 เมตรชายรอบชิงชนะเลิศโอลิมปิกโตเกียวไม่ได้จัดขึ้นในวันเดียวกับรอบรอง เจ้าลมกรดจีนอาวุโสผู้นี้จะสามารถสร้างผลงานในรอบชิงได้ดีกว่า 9.98 วินาที

อาจมีคำถามว่าทำไม่ซู่ ปิ่งเทียนไม่เก็บแรงไว้และพยายามสร้างผลงานดีที่สุดในรอบชิง คำตอบก็คือการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรของงานกีฬาโอลิมปิก เป็นการแข่งขันที่ดุเดือดระดับสูงทุกรอบ ตั้งแต่รอบคัดเลือก ซึ่งเป็นรอบที่ 1 จนถึงรอบชิงเป็นรอบที่ 3 ต้องเจอคู่แข่งที่วิ่งเร็วมากในโลกตลอด ใครๆ ก็ไม่กล้าออมกำลังเพราะถ้าตกรอบเนื่องจากไม่ได้สู้เต็มที่เป็นสิ่งที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ประกอบกับประสบการณ์ตกรอบรองชนะเลิศ 2 ครั้งที่โอลิมปิกลอนดอนและโอลิมปิกรีโอด้วยผลแข่ง 10.28 วินาทีกับ 10.08 วินาที ซู ปิ่งเทียนซึ่งยืนบนลู่ 100 เมตรรอบชิงโอลิมปิกเป็นครั้งที่ 3 ย่อมต้องสู้เต็มที่ทุกรอบ เพราะคงจะเป็นโอกาสสุดท้ายของนักวิ่งระยะสั้นวัย 32 ปีผู้นี้ เขาเคยให้สัมภาษณ์กับนักข่าวจีนว่าเขามองรอบรองสำคัญที่สุด เพราะการเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายของกีฬาโอลิมปิก เป็นความฝันของตนเองมาโดยตลอด เขาจึงต้องสู้รอบนี้อย่างสุดกำลังความสามารถ

‘ซู ปิ่งเทียน’ ความภาคภูมิใจของจีน และตำนานแห่งเอเชีย(2)_fororder_微信图片_20210909153135

ทั้งๆ ที่เขาอายุไม่น้อยแล้ว เป็นคนผิวเหลืองที่ตัวไม่ใหญ่ เมื่อพิจารณาจากทั้งพันธุกรรม อายุ และส่วนสูง ก่อนลงแข่งแทบจะไม่มีสื่อต่างชาติมองเห็นเขาเลย นักวิ่งชาวเอเชียวัย 32 ปี ซึ่งมาแข่งโอลิมปิกครั้งสุดท้ายในอาชีพนักกีฬา อย่างไรก็ตามเจ้าลมกรดจีนผู้นี้ยังไม่ยอมหยุดฝีเท้าวิ่งไล่ความฝันของตน เขาวิ่งรอบชิงในลักษณะเต็มแรงสู้จนหมดลมหายใจ และเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกในบรรดาคู่แข่ง 8 คน ด้วยสุดยอดผลงาน 9.83 วินาที ทำให้ความฝันที่จะเข้ารอบชิงชนะเลิศของการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรชายงานกีฬาโอลิมปิกเป็นจริงขึ้นมา สร้างสถิติวิ่ง 100 เมตรชายใหม่แห่งเอเชีย ยังเป็นคนผิวเหลืองคนแรกที่ได้ขึ้นในระดับ 9.90 วินาที

ซู ปิ่งเทียนบนเวทีโอลิมปิกโตเกียว ทำให้แฟนกีฬาทั่วโลกประทับใจอย่างลึกซึ้งกับความยืนหยัดและความพยายามของนักกีฬาอาวุโส อายุไม่น้อยแล้ว พรสวรรค์ หมายถึงเงื่อนไขของร่างกายเสียเปรียบก็จริง แต่ถ้ารักษาหัวใจยอมต่อสู้เต็มที่ และมุมานะต่อสู้และหมั่นขยันฝึกซ้อมอย่างไม่ลดละ ก็สามารถก้าวหน้าต่อเนื่องจนทะลุขีดความสามารถของตนเอง และสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้ในที่สุด

สถิติใหม่ 9.83 วินาทีแห่งเอเชีย ที่ซู ปิ่งเทียนสร้างขึ้นจากรอบรองชนะเลิศโอลิมปิกโตเกียว เป็นผลงานเยี่ยมยอดที่วงการกรีฑาของโลกคาดไม่ถึง หลังจากจบการแข่งรอบรองชนะเลิศ หลิว เสียง อดีตนักวิ่งข้ามรั้ว 110 เมตรชายของจีน ขวัญใจนักกีฬาระดับโลก แชมป์โอลิมปิกเอเธน 2004 และเจ้าของสถิติโลกและสถิติโอลิมปิก ได้โพสต์ข้อความยกย่องชื่นชมซู ปิ่งเทียนว่า “封神!9秒83!!!” แปลว่า “ขึ้นแท่นเทวดาด้วยเวลา 9.83 วินาที” ผ่านไมโครบล็อก สื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยมของจีน พร้อมคลิปการวิ่งแข่งรอบรองชนะเลิศของซู ปิ่งเทียน” และขอให้แฟนกีฬาทุกคนส่งความโชคดีให้กับเจ้าลมกรดของจีนในการแข่งชันรอบชิงชนะเลิศ

‘ซู ปิ่งเทียน’ ความภาคภูมิใจของจีน และตำนานแห่งเอเชีย(2)_fororder_微信图片_20210909153142

ตอนให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวจีนหลังแข่งเสร็จ ซู ปิ่งเทียนกล่าวขอบคุณหลิว เสียง พี่ใหญ่และขวัญใจของเขาที่คอยให้กำลังใจและให้การสนับสนุนมาโดยตลอด เขาบอกว่า “สำหรับทีมกรีฑาของจีน หลิว เสียงเป็นผู้นำทาง หากไม่มีผลงานยิ่งใหญ่ของหลิว เสียง พวกเราอาจไม่เชื่อว่า คนเอเชียสามารถเข้ารอบชิงชนะเลิศของการแข่งขันวิ่งระยะสั้นในงานกีฬาโอลิมปิก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องชาวเอเชียคว้าแชมป์โอลิมปิกได้จากรายการวิ่งระยะสั้น ผมหวังว่าผลงานอันดับที่ 6 ในโอลิมปิกวันนี้ จะเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาวัยหนุ่มสาวมากยิ่งขึ้น” วันก่อนเหรียญโอลิมปิกของหลิว เสียงปลุกใจซู ปิ่งเทียนอย่างเต็มที่ วันนี้ สถิติเอเชียอันเหลือเชื่อของซู ปิ่งเทียนก็จะให้กำลังใจกับนักกีฬากรีฑารุ่นต่อๆ ไป ให้กล้าฝัน กล้าต่อสู้ เพื่อช่วงชิงให้ได้ผลงานที่ทะลุขีดจำกัดของตนเอง และชนะเสียงชื่นชมระดับโลก

ซู ปิ่งเทียน ก็คือคนที่สร้างความมหัศจรรย์ สิ่งที่น่าสนใจคือผลงานยอดเยี่ยมของเจ้าลมกรดผู้นี้ เริ่มทยอยกันปรากฏหลังวัย 26 ปีของเขา เลยช่วงอายุทองคำของนักกีฬากรีฑาอาชีพ ย้อนเวลากลับถึงปี 2015 ในการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรชายของสหพันธ์กรีฑาระหว่างประเทศหรือ IAAF ระดับ Diamond League ที่จัดขึ้นเมือง Eugene ของสหรัฐ ซู ปิ่งเทียน วัย 26 ปีคว้าเหรียญทองแดงด้วยเวลา 9.99 วินาที นับเป็นผลงานดีที่สุดของนักวิ่งจีนหลังเข้าสู่ยุคเครื่องคิดเวลาอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เจ้าลมกรดผู้นี้กลายเป็นชาวเอเชียคนแรกที่ผ่านด่าน 10.00 วินาที

ตอนนั้นคงไม่มีใครเชื่อว่า นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของกระบวนการสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์อย่างต่อเนื่องของนักวิ่งขิงแก่ผู้นี้ ระหว่างปี 2015 – 2021 ซู ปิ่งเทียนซึ่งไม่ยอมจำนนกับอายุ ได้สร้างสถิติส่วนตัวที่พุ่งเข้าเส้นชัย 100 เมตรโดยใช้เวลาไม่ถึง 10.00 วินาที ทั้งหมด 8 ครั้งจากการเข้าร่วมการแข่งขันกรีฑาระดับโลกและระดับประเทศ ซึ่งพิสูจน์ให้ชาวโลกเห็นว่าหนุ่มไฟแรงผิวเหลืองก้าวเข้าสู่กลุ่มคนวิ่งเร็วที่สุดในโลกแล้ว และมีศักยภาพพร้อมที่จะงัดข้อกับนักวิ่งผิวดำอันดับต้นๆ ของโลก

‘ซู ปิ่งเทียน’ ความภาคภูมิใจของจีน และตำนานแห่งเอเชีย(2)_fororder_微信图片_20210909153138

  • เสียงข่าวประจำวัน (18-04-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (18-04-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (18-04-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (17-04-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (17-04-2567)

崔沂蒙