ความตกลงหุ้นส่วนความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบด้านระดับภูมิภาค หรือ RCEP จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันนี้ (วันเสาร์ที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2022) เป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่า เขตการค้าเสรีขนาดใหญ่ที่ ครอบคลุมประชากรมากที่สุดและมีศักยภาพแฝงอยู่สูงสุดในโลกเริ่มมีผลประจักษ์เป็นจริงแล้ว

RCEP ครอบคลุมประชากรกว่า 2,200 ล้านคน สร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมการผลิตภายใน หรือ GDP ราว 30% ของโลก ประเทศชุดแรกที่จะปฏิบัติตาม RCEP ได้แก่ จีน 6 ประเทศอาเซียน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย รวมทั้งหมด 10 ประเทศ ขณะที่เกาหลีใต้จะเข้าร่วมอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ดังนั้น “ความปรารถนา” กำลังกลายเป็นความต้องการจากใจจริงของบรรดาวิสาหกิจทั้งภายในและภายนอกภูมิภาค

หลังจาก RCEP มีผลบังคับใช้แล้ว สินค้ากว่า 90% ที่ไหลเวียนภายในภูมิภาคนี้จะค่อย ๆ บรรลุผลที่ภาษีศุลกากรเป็นศูนย์ นอกจากนี้แล้ว RCEP ยังมีข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องต่อการค้า การลงทุน ทรัพย์สินทางปัญญา และอีคอมเมิร์ซ เป็นต้น โดยทุกดัชนีสำคัญล้วนอยู่ในแนวหน้าของโลก นับเป็นข้อตกลงทางเศรษฐกิจการค้าที่ทันสมัย และมีคุณภาพสูง แสดงให้เห็นถึงการอำนวยประโยชน์ซึ่งกันและกันอย่างเต็มที่ สื่อมวลชนอาเซียนชื่นชมว่า RCEP เสมือนเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจส่วนภูมิภาค ขณะที่สหประชาชาติเห็นว่า RCEP จะกระตุ้นให้บังเกิด “จุดศูนย์กลางของความถ่วงดุลใหม่แห่งการค้าทั่วโลก”

ที่สำคัญกว่านี้ การที่ RCEP มีผลบังคับใช้นั้นสะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาอันแรงกล้าของประชาคมโลกที่จะสนับสนุนความร่วมมือที่เปิดกว้างและการค้าเสรี เป็นชัยชนะครั้งสำคัญยิ่งของพหุภาคีนิยมจากการต่อกรกับลัทธิกีดกันทางการค้า ทั้งยังยืนยันให้เห็นอย่างทรงพลังว่า ลัทธิกีดกันและเอกภาคีนิยมสวนกระแสประวัติศาสตร์ ไม่สอดคล้องกับความหวังของชาวโลก เพราะฉะนั้น พหุภาคีนิยมและการค้าเสรีจะเป็นแนวโน้มหลักสำหรับการพัฒนาก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

Tim/LF/YZ