ปี 2018 ศาลสิทธิมนุษยชนของยุโรปตัดสินว่า รัฐบาลลิทัวเนียอนุญาติให้สำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ จำคุกชาวปากีสถาน อาบู ซูบัยดาห์ (Abu Zubaydah) ในคุกกวนตานาโม ซึ่งผิดกฎหมายของยุโรปเกี่ยวกับการห้ามการทรมาน จึงเรียกร้องให้รัฐบาลลิทัวเนียจ่ายเงินชดใช้ 1 แสนยูโรให้อาบู ซูบัยดาห์ หลังเวลาผ่านไป 3 ปี รัฐบาลลิทัวเนียประกาศว่าได้จ่ายเงินชดใช้ดังกล่าวนี้แล้ว ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลลิทัวเนียยอมรับการกระทำที่ทำลายสิทธิมนุษยชนของตน และเป็นส่วนหนึ่งของคุกต่างประเทศของสหรัฐฯ
นักวิเคราะห์เห็นว่ารัฐบาลสหรัฐฯ เป็นผู้ที่ให้รัฐบาลลิทัวเนียจ่ายค่าตอบแทน ภายใต้แรงกดดันของประชาคมโลก สหรัฐฯ อยากให้เรื่องนี้จบลงโดยเร็วที่สุด แต่ความจริงแล้ว 1 แสนยูโรไม่สามารถทดแทนหนึ่งในหมื่นเหตุการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนที่สหรัฐฯ ก่อเกิดขึ้น
ในคุกกวนตานาโม ผู้ที่มีประสบการณ์เหมือนซูบัยดาห์มีจำนวนไม่น้อย โดยสหประชาชาติเปิดเผยว่าในปี 2003 กวนตานาโมมีนักโทษ 700 คน ปัจจุบันยังมี 39 คน โดยถูกผู้สอบสวนสหรัฐฯ ข่มเหงฉีกหน้ากาก “ผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชน” ไม่แปลกใจที่ผู้เชี่ยวชาญทางสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติเรียกคุกกวนตานาโมว่าเป็นสถานที่ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างป่าเถื่อนของสหรัฐฯ
ที่ยิ่งน่ากลัวกว่านั้นคือ ภายในช่วงเวลา 20 ปีที่ซูบัยดาห์ถูกจำคุก สหรัฐฯ ก่อสงครามด้วยข้ออ้าง “ต่อต้านการก่อการร้าย” ทำให้ทั่วโลกต้องประสบภัยอย่างร้ายแรง หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ตั้งข้อสังเกตว่า นับตั้งแต่การทรมานไปจนถึงการใช้โดรนสังหารคน การทารุณกรรมและการทำสงครามที่มากเกินควร ทำให้สหรัฐฯ สูญเสียอำนาจทางจริยธรรมในทั่วโลก