ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไป จะมีกฎใหม่สำหรับการฝากและถอนเงินสดในประเทศจีน โดยธนาคารที่ดำเนินธุรกรรมฝากและถอนเงินสดให้กับลูกค้า ตั้งแต่ 50,000 หยวนขึ้นไป หรือเทียบเท่าสกุลเงินต่างประเทศมากกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐในครั้งเดียว ต้องตรวจสอบข้อมูลประจำตัวลูกค้าและลงทะเบียนแหล่งที่มาหรือวัตถุประสงค์การใช้เงินด้วยทุกครั้ง

ทำไมต้องใช้วิธีการดังกล่าว คำตอบก็คือ เพื่อป้องกันการฟอกเงินนั่นเอง นักวิเคราะห์ด้านการเงินอธิบายว่า เงินสดไม่ระบุชื่อและไม่สามารถติดตามได้ ซึ่งเงินสดจำนวนมากมักใช้ในการฟอกเงิน หลบเลี่ยงภาษี และกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอื่นๆ เป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ ดังนั้น หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินในประเทศจีนจึงได้ออกกฎระเบียบใหม่ที่อ้างอิงมาตรฐานสากล ปรับปรุงข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องของการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะของลูกค้า ซึ่งจะมีผลดีต่อระบบกำกับป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และต่อสู้กับความต้องการใช้เงินสดที่ผิดกฎหมาย เพิ่มระดับงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลดการก่ออาชญากรรม เช่น การฟอกเงิน และรักษาความมั่นคงทางการเงิน

ทั้งนี้ กฎใหม่ดังกล่าวมีผลกระทบต่อลูกค้าทั่วไปเพียงเล็กน้อย ประการแรก สำหรับกรณีที่บุคคลจะฝากและถอนเงินสด 50,000 หยวนเป็นเรื่องที่เกิดไม่บ่อยนักในปัจจุบัน วิธีการชำระเงินที่ไม่ใช่เงินสดที่หลากหลาย อย่างเช่นการชำระเงินผ่านมือถือและเงินหยวนดิจิทัล ฯลฯ สามารถตอบสนองความต้องการของชีวิตประจำวันของผู้คนได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้เงินสด ประการที่สอง แม้ว่าคุณจะต้องฝากหรือถอนเงินสดมากกว่า 50,000 หยวน ก็เพียงแค่กรอกแบบฟอร์มแจ้งการใช้เงินสดก้อนใหญ่ เลือกวัตถุประสงค์การถอนเงินหรือต้นทางที่มาของเงินฝาก โดยไม่ต้องใช้เอกสารยืนยันประกอบอื่นใดเพิ่มเติม จึงมีผลกระทบเล็กน้อยเท่านั้นต่อความสะดวกของการฝากและถอนเงิน

Yim/Patt/Cui