‘สี จิ้นผิง’: ผู้บัญชาการใหญ่สงครามการบูรณาการควบคุมโรคระบาดกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม (1)

2022-04-16 08:30:33 | CMG
Share with:

เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่ระบาดได้อย่างรุนแรงได้ลุกลามไปยัง 28 มณฑลในประเทศจีนอย่างรวดเร็ว ผู้ติดเชื้อสะสมในท้องถิ่นมีจำนวนเกิน 70,000 ราย จำนวนพื้นที่ที่มีความเสี่ยงระดับปานกลางและสูงทะลุ 600 แห่ง งานป้องกันและต้านโควิด-19 ในจีนกำลังเผชิญความท้าทายที่หนักหน่วง

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม คณะกรรมการประจำสำนักการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้จัดประชุมวิเคราะห์สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และวางนโยบายรับมือ โดยนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวชี้ว่า "ต้องยืนหยัดการถือประชาชนสำคัญที่สุดและชีวิตสำคัญที่สุดโดยตลอด ยืนหยัดที่จะดำเนินการอย่างแม่นยำและถูกหลักวิทยาศาสตร์ ดำเนินการควบคุมให้เหลือศูนย์ เพื่อยับยั้งแนวโน้มการแพร่ระบาดและลุกลามของโรคโควิด-19 โดยเร็วที่สุด" "ต้องบูรณาการการป้องกันควบคุมโรคระบาดกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมให้ดี ใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พยายามบรรลุผลลัพธ์ให้ได้มากที่สุดในการป้องกันควบคุมโรคระบาดด้วยต้นทุนที่น้อยที่สุด และลดผลกระทบของโรคระบาดที่มีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้เหลือน้อยที่สุด"

เมื่อเผชิญกับโรคโควิด-19 ที่ระบาดซ้ำซากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบศตวรรษ สี จิ้นผิงสั่งการและวางแผนงานด้วยตนเอง รับมือกับความยากลำบากแสนสาหัสด้วยนโยบายที่ถูกหลักวิทยาศาสตร์ สามัคคีและนำประชาชนนับพันล้านคนพยายามเอาชนะสงครามแห่งการบูรณาการการป้องกันควบคุมโรคระบาดกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมด้วยปฏิบัติการที่ไม่ธรรมดาในการดำเนินเรื่องใหญ่สองประการให้ดี ซึ่งก็คือ การพัฒนาและความปลอดภัย 

‘สี จิ้นผิง’: ผู้บัญชาการใหญ่สงครามการบูรณาการควบคุมโรคระบาดกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม (1)

เข้มงวดและรัดกุม - "ดำเนินการป้องกันควบคุมโรคระบาดอย่างเข้มข้นเสมอ"

สามารถซ่อนอาการป่วยได้นาน แพร่ระบาดได้ง่าย จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันทะลุ 6,000 ราย ไวรัสกลายพันธุ์โคมิครอนที่เจ้าเล่ห์ไม่ใช่น้อยทำให้การป้องกันและควบคุมทำได้ยากมาก

ในช่วงเวลาไม่นานที่ผ่านมา การระบาดของโควิด-19 แบบกลุ่มก้อนภายในประเทศจีนมีลักษณะที่ครอบคลุมหลายพื้นที่ในวงกว้างและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง มากกว่าตัวเลขการเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระดับ 18 ครั้ง ในปี 2020 และระดับกว่า 30 ครั้ง ในปี 2021

สี จิ้นผิงเฝ้าติดตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโรคระบาดโดยตลอด เขาคอยห่วงใยถึงสุขภาพร่ายกายและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนเสมอ

"ต้องเน้นย้ำการถือพื้นที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นจุดสำคัญในการป้องกันและควบคุมโรคระบาด รักษามาตรฐานขั้นต่ำสุดให้ได้ ซึ่งก็คือ ไม่ปรากฏเหตุการณ์การกลับมาระบาดใหญ่" เมื่อวันที่ 5 มีนาคมปีนี้ ขณะเข้าร่วมการประชุมพิจารณาและตรวจสอบของคณะผู้แทนมองโกเลียในระหว่างการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน ชุดที่ 13 ครั้งที่ 5  สี จิ้นผิงได้เสนอข้อเรียกร้องอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมโควิด-19 ในปัจจุบัน

4 วันให้หลัง โดยพิจารณาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ได้ลุกลามไปยังหลายพื้นที่ สี จิ้นผิงได้ออกคำสั่งสำคัญอีกว่า  “การแพร่ระบาดในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว แพร่กระจายในวงกว้าง จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมาก จำต้องสั่งให้หน่วยงานและท้องถิ่นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการป้องกันและควบคุมอย่างเข้มงวดและรัดกุม”

ในที่ประชุมคณะกรรมการประจำสำนักการเมือง คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ได้มีการวางแผนงานเพื่อดำเนินการป้องกันและควบคุมโควิด-19 อย่างเข้มงวดด้วยดี ได้ดำเนินการระดมกำลังอย่างรอบด้านและเตรียมการอย่างรอบคอบทั้งทางด้านความคิดและการปฏิบัติเกี่ยวกับภารกิจการต่อสู้กับโรคระบาดของจีนในปัจจุบันและอนาคต

"ยืนหยัดการถือประชาชนสำคัญที่สุดและชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเสมอ"  "หยุดยั้งแนวโน้มการแพร่กระจายและลุกลามของโรคระบาดโดยเร็วที่สุด" สี จิ้นผิงเน้นย้ำในที่ประชุมว่า ทุกภูมิภาค หน่วยงาน และทุกฝ่ายต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความซับซ้อน ความยากลำบาก และความซ้ำซากในการป้องกันและควบคุมโรคระบาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศในปัจจุบัน ระดมสรรพกำลังอีกระดับ บรรลุความเป็นเอกภาพทางความคิด เสริมสร้างความมั่นใจ ใช้ความพยายามอย่างไม่ลดละ ปฏิบัติภารกิจป้องกันควบคุมโรคระบาดในด้านต่าง ๆ อย่างละเอียดและรัดกุม

ในช่วงวิกฤติคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีนายสี จิ้นผิงเป็นแกนหลัก ได้วิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ ตัดสินตามหลักวิทยาศาสตร์ ได้ให้คำตอบที่หนักแน่น และชี้ให้เห็นทิศทางที่ชัดเจน

‘สี จิ้นผิง’: ผู้บัญชาการใหญ่สงครามการบูรณาการควบคุมโรคระบาดกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม (1)

"การืนหยัดก็คือชัยชนะ"

ผู้คนทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะนึกถึงฉากหนึ่งเมื่อกว่าสองปีที่แล้ว กล่าวคือ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2020 ซึ่งตรงกับวันชิวอิก หรือ วันแรกของปีใหม่จีน ณ หอประชุมหวยเหรินถัง ทำเนียบจงหนานไห่ สี จิ้นผิงนั่งร่วมกับสมาชิกประจำสำนักการเมือง คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน อีก 6 ท่าน สี จิ้นผิงกล่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า "ข้าพเจ้านอนไม่หลับในคืนส่งท้ายปีเก่า"

"ชีวิตสำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด โรคระบาดก็คือคำสั่ง การป้องกันและควบคุมก็คือความรับผิดชอบ" “ถือความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพทางร่างกายของประชาชนอยู่ในอันดับแรก ถือการป้องกันและควบคุมโรคระบาดเป็นงานสำคัญที่สุดในปัจจุบัน”

ในช่วงเวลาวิกฤติที่ถูกซัดกระหน่ำโดยโรคระบาด คณะกรรมการกลางพรรคฯ ที่มีสี จิ้นผิง เป็นแกนหลัก ได้ส่งเสียงทรงพลังที่สุดซึ่งก็คือ "ประชาชนต้องมาก่อน ชีวิตต้องมาก่อน"

ในช่วงเวลากว่าสองปีที่ผ่านมา ไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์บ่อยครั้ง สถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมโควิด-19 สี จิ้นผิงได้สั่งการและวางแผนงานด้วยตนเองมาตลอด สิ่งที่เปลี่ยนแปลง คือ กลยุทธ์การป้องกันและควบคุมที่เป็นรูปธรรมในแต่ละขั้นตอน และสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง คือ ธีมอันโดดเด่นที่ยึดถือปฏิบัติเสมอมา ซึ่งก็คือ ยืนหยัดการถือประชาชนเป็นศูนย์กลางและถือประชาชนอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของหัวใจ

‘สี จิ้นผิง’: ผู้บัญชาการใหญ่สงครามการบูรณาการควบคุมโรคระบาดกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม (1)

"ยอมใช้มาตรการป้องกันเหตุ 10 ครั้งแม้จะไม่เกิดเหตุในทางความเป็นจริงถึง 9 ครั้ง แต่จะไม่ยอมให้เกิดเหตุสืบเนื่องจากความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในการป้องกันอย่างเด็ดขาด"

"พยายามอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนติดเชื้อมากขึ้น และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด" 

“เพื่อปกป้องความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน เราทำได้ทุกอย่าง!”

คำพูดมีความหนักแน่น มาตรการมีความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ในเรื่องที่เกี่ยวพันถึงความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพของประชาชนนับพันล้านคน ก็ย่อมไม่มีพื้นที่สำหรับการปรึกษาหารือ นี่คือท่าทีอันเด่นชัดของผู้นำพรรคการเมืองใหญ่และประเทศใหญ่ที่แบกรับความผิดชอบอย่างสูงต่อความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพของประชาชน

TIM/LU

  • เสียงข่าวประจำวัน (18-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (18-11-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (18-11-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (17-11-2567)

  • เกาะกระแสจีน (16-11-2567)

陆永江