กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่ระบาดอย่างรุนแรงได้ลุกลามไปยัง 28 มณฑลในประเทศจีนอย่างรวดเร็ว ผู้ติดเชื้อสะสมในท้องถิ่นมีมากกว่า 7 หมื่นราย พื้นที่ความเสี่ยงระดับกลางและระดับสูงมีกว่า 600 แห่ง ช่วงหนึ่งการป้องกันควบคุมโควิด-19 ในจีนกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม คณะกรรมการประจำกรมการเมือง คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้จัดประชุมเพื่อพิจารณาสถานการณ์โควิดเพื่อกำหนดแผนป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด นายสี จิ้นผิง กล่าวชี้ให้เห็นว่า "เราต้องยืนหยัดนโยบายถือประชาชนและชีวิตประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิดตามวิทยาศาสตร์อย่างแม่นยำ และดำเนินนโยบาย ‘dynamic zero’ ให้การต้านโควิดควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างสมดุล ใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น พยายามให้ได้ผลการป้องกันมากที่สุดด้วยต้นทุนต่ำที่สุด พยายามลดผลกระทบจากโควิดที่มีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม”
หลังเผชิญกับการขึ้น ๆ ลง ๆ ของสภาพการณ์แพร่ระบาดของโควิด นายสี จิ้นผิงได้สั่งการและบัญชาการด้วยตัวเองเพื่อรับมือกับปัญหาที่ยากมากด้วยมาตรการทางวิทยาศาสตร์ ใช้ปฏิบัติการที่เน้นเรื่องการพัฒนาและความมั่นคง นำประชาชนนับร้อยล้านคนร่วมกันวางแผน เพื่อเอาชนะการป้องกันและควบคุมโรคระบาด รวมทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม
“ยิ่งตกอยู่ในสถานการณ์ที่ซับซ้อนก็ยิ่งต้องถือเป็นโอกาสเพื่อเอาชนะวิกฤติ”
ช่วงฤดูใบไม้ผลิเมื่อ 2 ปีที่แล้ว นายสี จิ้นผิง เดินทางไปตรวจงานที่มณฑลเจ้อเจียง เพื่อตรวจสอบการฟื้นฟูการทำงานและการผลิต นับเป็นครั้งแรกหลังจากการระบาดของโควิดที่เขาได้ส่งเสริมให้บริษัทในประเทศถือโอกาสจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการยกระดับอุตสาหกรรม ได้เพิ่มกำลังใจให้กับบริษัทต่าง ๆ ที่ตกอยู่ในความยากลำบากต่าง ๆ
ในการประชุม “สองสภา” เมื่อปี 2020 นายสี จิ้นผิง กล่าวในการประชุมกลุ่มร่วมของวงการเศรษฐกิจของสภาปรึกษาการเมืองว่า จำเป็นต้องยืนหยัดที่จะวิเคราะห์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันด้วยมุมมองที่รอบด้าน ด้วยวิภาษวิธี และด้วยการมองการณ์ไกล เขากล่าวว่า "การระบาดของโควิดครั้งนี้เป็นวิกฤตครั้งหนึ่ง แต่ก็ได้ก่อให้เกิดโอกาสใหม่จากอีกแง่มุมหนึ่ง" และควรต้อง "พยายามหาโอกาสใหม่ในภาวะวิกฤตสร้างสภาพใหม่ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง"
การแพร่ระบาดของโควิดได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมดั้งเดิม แต่ความสำคัญของการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงปฏิบัติตาม 'แผนพัฒนาฯ ระยะ 5 ปี ชุดที่ 14' ถ้าจีนจะต้องก้าวหน้าไปอีกต้องเน้นเรื่องนวัตกรรม" เราต้องเข้าสู่กลุ่มแรกของการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เราต้องพึ่งพาตนเอง" นี่เป็นคำชี้นำของนายสี จิ้นผิงในการตรวจงานที่มณฑลฝูเจี้ยน
ในช่วงกว่าสองปีที่ผ่านมารอยเท้าการตรวจงานของสี จิ้นผิง ได้ทิ้งไว้บนเกือบทุกพื้นที่ของจีน ทุกครั้งที่เขาไปตรวจสอบเรื่องโควิดและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้ไปพร้อมกัน เขามักจะกล่าวถึงการเข้าใจขั้นตอนการพัฒนาใหม่ ใช้แนวคิดการพัฒนาใหม่สร้างรูปแบบการพัฒนาใหม่ และส่งเสริมการพัฒนาอย่างมีคุณภาพ เสนอให้ปรับตัวตามสภาพท้องถิ่น เพื่อสร้างอนาคตแห่งการพัฒนาใหม่อย่างต่อเนื่อง ยิ่งตกอยู่ในสภาพที่ซับซ้อนยิ่งต้องยืนหยัดแนวทางเปิดสู่ภายนอกและเอาชนะร่วมกัน
การส่งเสริมการเปิดสู่ภายนอกในระดับสูง การปรับ “บัญชีรายการต้องห้าม” ของทุนต่างชาติ การปรับให้บริษัทต่างชาติได้รับนโยบายพิเศษเท่าเทียมกับบริษัทจีน การร่วมสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ด้วยคุณภาพสูง ในคำปราศรัยของนาย จิ้นผิง เขาได้แสดงให้ทั่วโลกเห็นถึง “ประตูของจีนที่เปิดไว้แล้วจะยิ่งเปิดยิ่งใหญ่”
ยิ่งตกอยู่ในสภาพที่ซับซ้อนยิ่งต้องเห็นถึงความสำคัญของความมั่นใจ
“มีการชี้นำที่แข็งแกร่งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน” “มีความโดดเด่นของระบบสังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์จีน” “มีพื้นฐานดีที่ได้จากการพัฒนาอย่างรวดเร็ว” “มีสภาพสังคมที่มั่นคงในระยะยาว” “มีพลังทางจิตใจที่เชื่อมั่นตัวเองและเข้มแข็งขึ้นด้วยตนเอง”
ในช่วงจัดการประชุม “สองสภา” ปี 2022 นายสี จิ้นผิงได้กล่าวถึงห้าประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาของจีน โดยได้ระบุ “เงื่อนไขที่ได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ 5 ประการ” และได้อธิบายเรื่อง “ไม่ว่าช่วงเวลาหรือโอกาสต่าง ๆ เหมาะกับการพัฒนาของจีน
ในยุคใหม่และการเดินทางใหม่ จีนไม่เพียงต้องตอบข้อสอบโควิดอย่างดีที่เป็นข้อสอบเพิ่มเติมแล้ว หากยังต้องตอบข้อสอบเดิมเกี่ยวกับ “การฟื้นฟูประชาชาติจีน” อย่างมั่นใจ
ดังที่นายสี จิ้นผิงได้กล่าวเน้นว่า “เราต้องมองเห็นปัญหาและมีความมั่นใจที่จะแก้ไขได้ด้วย ด้วยจิตใจริเริ่มประวัติศาสตร์ใหม่ แก้ไขปัญหาและเอาชนะความยากลำบาก กล้าต่อสู้ ก้าวสู่อนาคต แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ ใช้ปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรม เพื่อต้อนรับการประชุมผู้แทนทั่วประเทศพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ที่จะมาถึงนี้”
TIM/LEI/LU