นอกจากสน 3 ต้นดังกล่าวแล้ว ยังมีสนประหลาดอีก 51 ต้น เรียงเข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกทางธรรมชาติพร้อมกับภูเขาหวงซานด้วย ตัวอย่างเช่น สนสามัคคี สนกระดานหมากรุก สนกิเลน สนหงส์ สนมังกรคู่ สนมังกรหลับ สนเสือดำ ฯลฯ กล่าวได้ว่า การอนุรักษ์สน 54 ต้นดังกล่าวถือเป็นงานสำคัญที่สุดงานหนึ่งของอุทยานหวงซาน เพราะว่า "สนรับแขก" มีฐานะเทียบเท่าสิ่งล้ำค่าของชาติ มีชื่อเสียงทั้งในจีนและต่างประเทศ เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศจีน ทางอุทยานได้จัดให้มีคนดูแลโดยเฉพาะตลอด 24 ชั่วโมง ในโลกนี้ มี "สนรับแขก" แห่งหวงซานเพียงต้นเดียวเท่านั้นที่มีคนดูแลทั้งวันทั้งคืน นอกจากนั้น ยังได้จัดสถานีอุตุนิยมวิทยาตั้งอยู่ข้าง ๆ สนรับแขก เพื่อติดตามดูแลสภาพการอนุรักษ์ นอกจากนี้ ต้นสนที่มีชื่อ 54 ต้นล้วนมีคนดูแลโดยเฉพาะ และได้บันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องไว้อย่างละเอียด

นอกจากสนประหลาดแล้ว ภูเขาหวงซานยังมีของแปลกอีกอย่างหนึ่งที่เรียกกันว่า "หินพิสดาร"

หินจำนวนมากที่หวงซานถูกธรรมชาติสร้างสรรค์และลมฝนช่วยกัดกร่อนให้กลายเป็นรูปทรงที่เรามองแล้ว เกิดจินตนาการไปต่างๆนานา อย่างเช่น "หินบิน" อันเป็นหินรูปทรงรี สูง 12 เมตร หนัก 544 ตัน ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขาหวงซาน ด้วยความที่ว่า ส่วนล่างของหินไม่เชื่อมติดกับภูเขา ทำให้คล้ายกับว่า เป็นหินที่ตกลงมาจากท้องฟ้า

นอกจาก "หินบิน"แล้ว ยังมีหินและยอดเขาหินรูปทรงอื่น ๆที่ถูกตั้งชื่อให้แปลก ๆ เช่น "หินเต่า" "หินลิงชมทะเล" "หินเซียนบอกทาง" "หินหนูกระโดดลงหุบ" "หินแมวคู่จับหนู" "หินเซียนประลองหมากรุก" ฯลฯ

สนประหลาดและหินพิสดารเป็นทัศนียภาพสวยงามที่ไปดูได้ทุกเมื่อ แต่การสามารถได้ชมทะเลเมฆแห่งภูเขาหวงซานก็ต้องขึ้นอยู่กับโชคของนักท่องเที่ยว แต่ละปี ภูเขาหวงซานมีวันที่มีหมอกเมฆ 256 วัน นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปีเป็นช่วงดีที่สุดสำหรับชมทะเลเมฆ โดยเฉพาะหลังฝนตกหรือหิมะตก ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก จะเกิดภาพที่สวยงามหาดูได้ยาก จุดชมทะเลเมฆที่ดีมี 5 จุดด้วยกัน โดย"ยอดกวงหมิง"เป็น 1 ใน 5 จุดที่เหมาะแก่การชมเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,800 เมตร มีพื้นที่ราบเรียบ เมื่อยืนอยู่บนจุดนี้ นักท่องเที่ยวจะมีความรู้สึกราวกับว่า หมอกเมฆกำลังลอยตัวขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้า เมฆกับฟ้ารวมตัวเป็นหนึ่งเดียวและกลายเป็นสีเดียวกัน เหมือบกับว่า ตนเองกำลังอยู่บนสรวงสวรรค์ก็ว่าได้