ตามปีนักษัตร ปีใหม่นี้เป็นปีระกา ระกาคือไก่ ตามความเชื่อของคนจีน ไก่เป็นสัตว์สิริมงคลที่คนจีนรักชอบ จีนเป็นประเทศแรกในโลกที่เลี้ยงไก่ โดยมีประวัติศาสตร์การเลี้ยงไก่ยาวนานกว่า 7,000 พันปี แรกเริ่มเดิมที บรรพบุรุษของคนจีนเลี้ยงไก่เพื่อใช้ในการแจ้งเวลา โดยเห็นว่าไก่เป็นสัตว์ที่เรียนรู้เวลา แต่ไหนแต่ไรมา จีนให้ความสำคัญกับการเลี้ยงไก่ เมิ่ง จื่อ ปรัชญาเมธีสมัยโบราณของจีนสั่งสอนไว้ว่า หากว่าครอบครัวหนึ่งเลี้ยงไก่ 5 ตัว และหมู 2 ตัว ครอบครัวนั้นก็หมดห่วงที่ไม่มีเนื้อกิน ตามประเพณีของจีน เมื่อถึงเทศกาลต่าง ๆ หรืองานเลี้ยงสำคัญ ๆ ไก่เป็นจานหนึ่งที่ขาดเสียมิได้บนโต๊ะอาหาร

ประเทศไทยก็มีคำเกี่ยวกับไก่โดยบอกว่า "ไก่งามเพราะขน" คือไก่เป็นสัตว์ที่รักสวยรักงาม จึงมีขนสวยงาม ด้วยเหตุนี้ เราเชื่อว่า ผู้ที่เกิดปีระกาเป็นผู้ที่มีนิสัยเป็นคนรักสวยรักงาม นอกจากนี้ ผู้ที่เกิดปีระกายังเป็นผู้มีนิสัยเป็นคนรักความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีความซื่อสัตย์สุจริต บางตำราบอกไว้ว่า คนที่เกิดปีระกาเป็น "หงส์" ผู้ที่เกิดปีนี้จึงมีนิสัยเป็นคนรักเกียรติรักยศดุจพญาหงส์ ผู้ที่เกิดปีระกาเป็นคนใจบุญสุนทาน เมตตาเอื้ออารีและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ด้วย

จูเก่อเลี่ยง หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม ขงเบ้ง ในวรรณกรรมเรื่องสามก๊กนั้น ก็เป็นบุคคลที่เกิดในปีระกา ขงเบ้งได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้หยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร

การงานของบุคคลที่เกิดปีระกานี้ย่อมทำได้ทุกอย่าง ไม่เลือกว่างานอะไร เพราะงานที่ทำนั้นๆ พึ่งใครไม่ได้นอกจากตัวเอง และก็ตัวเองก็มีความมานะพยายามอย่างยอดเยี่ยม ที่จะก่อให้เกิดเกียรติยศและชื่อเสียงปรากฏอย่างสูงเด่นได้ โดยไม่มีอะไรมาขัดขวางต่อโชคลาภที่จะบังเกิดขึ้น จากการกระทำอันประกอบด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้า ก็จะทำให้เกิดผลอย่างนี้ ด้านความรัก ผู้ที่เกิดปีระกานี้มีความรักที่รุนแรง ดังคำโบราณที่ว่า "ความรักรุนแรงนัก ดุจพระยายักษ์ ผู้ครองนครลงกา..." เป็นปกติ ความรักธรรมชาติและรักสวยรักงามอย่างคนที่เกิดในปีระกา

ไก่ ภาษาจีนออกเสียงว่า "จี" จีนมีสุภาษิตเกี่ยวกับไก่ต่าง ๆ นานา ที่รู้จักกันดีคือ "จินจีเป้าเสี่ยว" ซึ่งหมายถึงไก่ตัวผู้สีทองขันแจ้งฟ้าสว่าง ถือเป็นสัญลักษณ์ของความสิริมงคล พัฒนาก้าวหน้า และเป็นนัยว่า ความมืดจะสิ้นสุดลงผ่านพ้นไป รุ่งอรุณจะมาถึง

สมัยโบราณ ตอนที่ยังไม่ได้ประดิษฐ์นาฬิกา เสียงไก่ขันตอนเช้าเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นของวันใหม่ ถือเป็นนาฬิกาสาธารณะก็ว่าได้ สมัยโบราณ ด่านที่สำคัญ ๆ ของจีนมักจะเปิดประตูตามเวลาไก่ขัน

ตามธรรมเนียมของจีน เวลาแต่งงาน ก้มีไก่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย โดยฝ่ายเจ้าบ่าวจะเตรียมไก่ตัวผู้สีแดงตัวหนึ่ง เป็นนัยว่า สิริมงคล ส่วนเจ้าสาวจะเตรียมไก่ตัวเมียตัวอ้วนตัวหนึ่ง เป็นนัยว่า เจ้าสาวเป็นบุคคลที่มีบุญ เวลาจากบ้าน ฝ่ายเจ้าสาวยังจะเตรียมไก่ตัวผู้ตัวหนึ่งโดยให้น้องชายของเจ้าสาวอุ้ม และติดตามขบวนแห่เกี้ยวของเจ้าสาว อีกทั้งต้องเดินทางถึงบ้านของเจ้าบ่าวก่อนไก่ขัน

จีนมีสำนวนว่า "เหวินจีฉี่หวู่" โดยมีความหมายว่า เมื่อได้ยินไก่ขันตอนรุ่งอรุณ ก็ถึงเวลาตื่นนอนไปฝึกเล่นดาบแล้ว โดยอุปมาว่า ผู้ที่มีความมุ่งมั่นที่จะรับใช้ประเทศชาติมักจะตื่นเช้าเพื่อออกกำลังกายและฝึกหัดฝีมือต่าง ๆ จีนมีสำนวนอีกสำนวนหนึ่งว่า "ซานเกิงเติงหั่วหวู่เกิงจี เจิ้งซื่อหนานเอ๋อลี่จื่อสือ" โดยอุปมาว่า เยาวชนที่มีอุดมคติ ต้องขยันเรียนหนังสือ โดยตื่นนอนเมื่อ "หวู่เกิง" คือตอนที่ฟ้าสาง และนอนดึกจนถึง "ซานเกิง" ในช่วงระหว่าง 5 ทุ่มถึงตีหนึ่ง สองสำนวนนี้ล้วนเรียกร้องให้ผู้คนตื่นเช้า

เนื่องในโอกาสที่ปีระกาจะมาถึงนี้ ขอให้เราลองเปลี่ยนนิสัยมาเป็นการตื่นเช้าทุกวัน เพราะว่าการตื่นเช้ามีข้อดีเยอะแยะทีเดียว

บางคนนิยมต้อนรับวันใหม่โดยใช้เวลาช่วงเช้าตรู่ นั่งสมาธิหรือไม่ก็สวดมนต์ และมักจะบอกตนเองว่า "วันนี้ เราโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ตื่นขึ้นมาอีกวันหนึ่ง จะใช้ชีวิตที่มีให้คุ้มค่าที่สุด จะพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ จะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น จะไม่เสียเวลาอันจำกัดที่มีอยู่ไปกับการคิดร้ายหรือโกรธเคืองใคร และจะสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"

การตื่นเช้าสามารถสัมผัสความเงียบสงบตอนเช้า ไม่มีเสียงโวยวายรบกวน เป็นช่วงเวลาที่เราได้อยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง ใช้เวลานี้อ่านหนังสือหรือไม่ก็คิดถึงสิ่งต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาได้ ตัวอย่างเช่น มีเวลาให้กับเป้าหมายในชีวิต ทุกคนมีเป้าหมายในชีวิตกัน และก็ไม่มีเวลาไหนหรอกที่เหมาะกับการใช้เวลาทบทวนเป้าหมายและวางแผนไปกว่าเวลาในตอนเช้า เราจะใช้เวลาในช่วงเช้าวางแผนว่าในแต่ละวันต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย