เมื่อเช้านี้ 10 พฤศจิกายน นายหู จิ่นเทา ประธานาธิบดีจีนเดินทาง ออกจากกรุงปักกิ่ง เริ่มการเยือนมาเลเซียเเละสิงค์โปร์เป็นเวลา 6 วัน ซึ่งเป็นประเทศอาเซียนสำคัญสองประเทศ เเละจะเข้าร่วมการประชุมผู้นำไม่เป็น ทางการของเอเปคครั้งที่ 17
มาเลเซียกับสิงคโปร์ต่างตั้งอยู่ในเขตเอเชียตะวันออก เเละต่างเป็นประเทศสมาชิกสำคัญของอาเซีนย ปีหลังๆนี้ ความร่วมมือระหว่างจีนกับ ประเทศอาเซียนคึกคักมาก ในเดือนมกราคมปีหน้า เขตการค้าเสรี จีน-อาเซียนจะตั้งขึ้น ความร่วมมือระหว่างจีนกับอาเซียนจะก้าวไป อีกขั้นหนึ่ง เมื่อกล่าวถึงผลงานการเยือนของประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ครั้งนี้ นายหู เจิ้งโยว่ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ต่างประเทศจีนกล่าวเน้นว่า
นับเป็นครั้งเเรกที่ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาเยือนมาเลเซียกับสิงคโปร์ ในฐานะประธานาธิบดี นี่เป็นการเยือนสองประเทศ ดังกล่าวของประธานาธิบดีจีนในช่วง 15 ปี การเยือนครั้งนี้มีความหมายสำคัญใน การกระชับความสัมพันธ์ความร่วมมือระหว่างจีนกับสองประเทศดังกล่าว เเละจีนกับประเทศอาเซียน"
หลังจากเยือนสองประเทศดังกล่าวเเล้ว นายหู จิ่นเทาจะเข้าร่วม การประชุมสุดยอดเอเปก ปัจจุบัน ยอดมูลค่าเศรษฐกิจ ของ 21 ประเทศสมาชิกเอเปกคิดเป็นครึ่งหนึ่งของทั่วโลก จึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาของเศรษฐกิจโลก การประชุมสุดยอด ประจำปีของเอเปกก็เป็นเรื่องที่น่าจับตามองบนเวทีโลก ในการประชุมสุดยอดลิมา ที่จัดขึ้นเมื่อพฤศจิกายนปีที่เเล้ว บรรดาผู้นำที่เข้าร่วมประชุมได้ประกาศเเถลงการณ์ โดยมีเนื้อหา เกี่ยวกับการฟื้นฟูความมั่นใจทางเศรษฐกิจ รักษาการเติบโตของ ภูมิภาคเป็นต้น ได้ดึงดูดความสนใจของฝ่ายต่างๆ จากวันที่ 14-15 พฤศจิกายนนี้ การประชุมสุดยอดผู้นำเอเปกครั้งที่ 17 จะจัดขึ้นที่สิงคโปร์ ในวาระสำคัญที่ทั่วโลกกำลังรับมือกับวิกฤต การเงิน ประชาคมโลกมีความปรารถนาอย่างสูงต่อการประชุมครั้งนี้
เมื่อเร็วๆ นี้ นายเหอ ย่าเฟยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการ ต่างประเทศจีนกล่าวว่า
"ก่อนอื่นฝ่ายจีนหวังว่าการประชุมของเอเปกครั้งนี้มีเเผนที่เป็น รูปธรรมในความร่วมมือการรับมือกับวิกฤติการเงินโลก การฟื้นการเติบโตของ เศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น สองคือหวังว่าในที่ประชุมสามารถส่งสัญญาณ ชัดเจนในการต่อต้านลัทธิกีดกันทางการค้า ลัทธิกีดกันทางการลงทุน เเละสนับสนุนการเจรจารอบโดฮา สามคือผลักดันให้เศรษฐกิจของ ภูมิภาคเป็นหนึ่งเดียวเพื่อให้ได้รับผลคืบหน้า สี่คือผลักดันการปฏิรูป เเละการสร้างสรรค์ของเอเปก เพื่อเพิ่มศักยภาพของเอเปกให้เข้มเเข็งยิ่งขึ้น"