วันที่ 25 เมษายนนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลกจัดการประชุมฤดูใบไม้ผลิที่กรุงวอชิงตัน ที่ประชุมฯได้ผ่านแผนปฏิรูปเพิ่มอัตราส่วนการมีสิทธิ์ออกเสียงของประเทศกำลังพัฒนาและเพิ่มการสมทบทุนของธนาคารโลก ผู้นำของกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลกกล่าวว่า การประชุมครั้งนี้มีความหมายสำคัญ ประเทศกำลังพัฒนาแสดงบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้นในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ กองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลกควรดำเนินการปฏิรูปตัวเองเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง

นายคาลิด บิน อาห์เหม็ด โมฮาเหม็ด อัล-คาลิฟา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรนซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการการพัฒนาของกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลกกล่าวว่า ธนาคารโลกเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อน การประชุมครั้งนี้จะทำให้ธนาคารโลกเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ เขากล่าวว่า

การเพิ่มทุน ยุทธศาสตร์ใหม่ด้านการพัฒนา การปฏิรูปภายใน และการเพิ่มอัตราส่วนการมีสิทธิ์ออกเสียงของประเทศกำลังพัฒนาเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อน ปัจจุบัน ควรให้ธนาคารโลกปรับบทบาทให้สอดคล้องกับความเร็วในการพัฒนาเศรษฐกิจโลก

ที่ประชุมฯได้ผ่านแผนปฏิรูปที่เพิ่มอัตราส่วนการมีสิทธิ์ออกเสียงของประเทศกำลังพัฒนา โดยเพิ่มเป็น 47.19% ในจำนวนนี้ จีนได้สิทธิ์ออกเสียงจากเดิม 2.77 % เพิ่มเป็น 4.42% กลายเป็นประเทศถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 3 ของธนาคารโลก รองจากสหรัฐฯและญี่ปุ่น

นายโรเบิร์ต โชวลิค ผู้ว่าการธนาคารโลกกล่าวว่า คณะกรรมการฯได้ผ่านแผนแห่งประวัติศาสตร์ในวันเดียวกัน แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของธนาคารโลก ซึ่งต่างมีความหมายสำคัญ นายโรเบิร์ต โชวลิคเห็นว่า การเพิ่มทุนครั้งนี้เป็นปัจจัยพื้นฐานให้ธนาคารโลกแสดงบทบาทสำคัญอย่างต่อเนื่อง เขากล่าวว่า

การเพิ่มทุนหมายความว่าปีนี้ธนาคารโลกจะไม่ลดลงขนาดการปล่อยเงินกู้ นโยบายการเงินที่ดีทำให้เรามีเงินทุนพอเพียงเพื่อรับมือกับวิกฤตการเงิน ตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2008 เป็นต้นมาที่เกิดวิกฤตการเงินโลก เราได้ให้ทุน 1.05 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ สร้างสถิติสูดสุดในประวัติศาสตร์ การเพิ่มทุนจะทำให้เราแสดงบทบาทสำคัญอย่างต่อเนื่อง

นายโรเบิร์ต โชวลิคยังกล่าวว่า ประเทศกำลังพัฒนามีสิทธิ์ออกเสียงมากกว่า 47% มีความหมายสำคัญมาก เขากล่าวว่า

เราได้ประสบผลคืบหน้าด้านการเพิ่มสิทธิ์ออกเสียงของประเทศกำลังพัฒนาด้วย ซึ่งมีความสำคัญกับการหมุนเวียนที่สมเหตุสมผลของธนาคารโลก การปฏิรูปด้านนี้แสดงให้เห็นว่า คำพูดที่ว่าโลกที่ 3 ได้ล้าสมัยไปแล้ว ปัจจุบัน เศรษฐกิจโลกกำลังพัฒนาเป็นหลายขั้ว ประเทศกำลังพัฒนากลายเป็นแกนนำในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และจะกลายเป็นขั้วหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต เราต้องตระหนักถึงความจริงที่เกิดใหม่นี้และต้องสอดคล้องด้วย

กองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลกต่างกล่าวว่า มีแต่ดำเนินการปฏิรูปตามสถานการณ์จึงสามารถทำให้ตัวเองได้รับการพัฒนามากยิ่งขึ้น และแสดงบทบาทมากยิ่งขึ้นในการรับมือกับการท้าทายในศตวรรษที่ 21

kt