เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา การประชุมว่าด้วยการพัฒนาสังคมและบรรเทาความยากจนระหว่างจีน-อาเซียนครั้งที่ 4 สิ้นสุดลงที่เมืองกุ้ยหลินเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกว่างซี ห้วข้อของการประชุมครั้งนี้คือ "การค้าเสรีกับการบรรเทาความยากจน" ผู้ร่วมประชุมได้ปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับโอกาสและงานท้าทายของประเทศต่าง ๆ ในการบรรเทาความยากจน หลังจากเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนได้สร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบในช่วงครึ่งปีมานี้
นายมิสราน คาร์เมน รองเลขาธิการสำนักงานอาเซียนระบุว่า ประชากรยากจนในประเทศสมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่รวมศูนย์อยู่ที่เขตชนบท ปัจจุบัน การเกษตรยังคงเป็นแหล่งที่มาสำคัญของรายได้ครอบครัว การค้าเสรีส่งผลที่เป็นคุณต่อการบรรเทาความยากจน โดยเฉพาะบรรเทาความยากจนในเขตชนบทของประเทศสมาชิกอาเซียน เขากล่าวว่า "คาดว่าการลดภาษีเป็นศูนย์อย่างมีขั้นตอนนั้นจะขยายการส่งออกของประเทศสมาชิกอาเซียน โดยทำให้ผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่นมีคุณภาพดีขึ้นและมีประสิทธิผลทางเศรษฐกิจมากขึ้น อีกทั้งส่งผลสำคัญต่อการปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวในเขตชนบทของอาเซียนให้ดีขึ้นด้วย"
นายสวี ฉางเหวิน ผู้อำนวยการงานวิจัยด้านเอเชีย-แอฟริกาของสถาบันวิจัยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์จีนแนะนำว่า เบื้องหลังของการลดภาษีครั้งใหญ่ของผลิตผลการเกษตร ความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างจีน-อาเซียนก็ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง นายสวี ฉางเหวิน ลงความเห็นว่า ความร่วมมือดังกล่าวมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจและการเกษตรในเขตชนบททั้งของจีนและอาเซียน กล่าวสำหรับจีน-อาเซียนซึ่งมีประชากรยากจนรวมศูนย์อยู่ที่เขตชนบทนั้น การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความร่วมมือเพื่อบรรเทาความยากจนมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด "เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนได้ผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ ได้ผลักดันงานบรรเทาความยากจน ขณะเดียวกัน ยังได้นำมาซึ่งผลประโยชน์ที่แท้จริงให้แก่ประชาชนในภูมิภาคจีน-อาเซียนด้วย"
พร้อม ๆ กับการดำเนินความร่วมมือด้านการเกษตรอย่างกว้างขวาง ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างจีน–อาเซียนก็ขยายออกไปอย่างมีขั้นตอนเช่นกัน อย่างเช่น ความร่วมมือด้านการรับเหมาโครงการการก่อสร้าง และความร่วมมือด้านแรงงาน จนถึงสิ้นปี 2009 วิสาหกิจอาเซียนมีโครงการที่ลงทุนในจีนโดยตรงถึง 30,000 โครงการ คิดเป็นเงินกว่า 57,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นภูมิภาคที่วิสาหกิจจีนนิยมไปลงทุน นายจาง เค่อหนิง ที่ปรึกษาของกรมกิจการระหว่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า เขตการค้าเสรีได้สนองความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพดีและราคาย่อมเยาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น เขากล่าวว่า "เมื่อปี 2008 บริษัทหวาเหวยของจีนได้งดเว้นภาษีศุลกากรโดยผ่านเขตการค้าเสรีคิดเป็นเงิน 35 ล้านหยวน ซึ่งช่วยเพิ่มทักษะการแข่งขันของบริษัทหวาเหวยในตลาดอาเซียน ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคทั้งในประเทศจีนและอาเซียนได้มีโอกาสเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพดีและราคาถูกจากต่างประเทศมากขึ้นโดยผ่านเขตการค้าเสรี และมีทางเลือกสินค้ามากขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่จึงมีระดับสูงขึ้น"
(NL/Zhou)