คริสเตียนา ฟิเกเรส เลขาธิการคนใหม่ของสำนักเลขาธิการ "อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" กล่าวในที่ประชุมแถลงข่าว โดยคาดหวังว่าตัวแทนจากประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมการประชุมจะสามารถบรรลุผลคืบหน้าใน 5 ด้าน ได้แก่ เป้าหมายในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกของประเทศพัฒนาแล้ว การให้ความช่วยเหลือต่อประเทศกำลังพัฒนา การมอบเงินทุนสนับสนุน กลไกตรวจสอบปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนรูปแบบข้อตกลงทางกฎหมาย
คริสเตียนา ฟิเกเรสเห็นว่า ก่อนอื่น ประเทศต่าง ๆ ควรกำหนดแผนปฏิบัติการตามอนุสัญญา ฯ ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างชัดเจน ปัจจุบัน กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมทั้งหมดได้มีพันธกรณีในการลดการปล่อยก็าซเรือนกระจกตามอนุสัญญาก่อนปี 2020 ส่วนประเทศกำลังพัฒนาอีก 38 ประเทศก็ได้ยื่นเสนอโครงการจำกัดการปล่อยสารคาร์บอนไดออกไซด์ โดยอนุสัญญาดังกล่าวได้มีการลงนามและมีผลบังคับใช้ในประชาคมโกล นอกจากนี้ ประเทศภาคีควรบรรลุข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับการช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งมีเนื้อหาว่าด้วยการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การลดการปล่อยสารคาร์บอนไดออกไซด์ การสำรองเงินทุนที่พอเพียง การเผยแพร่ความรู้และเทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนโครงการปลูกป่าไม้ยั่งยืน เป็นต้น ทั้งนี้ กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมควรปฏิบัติตามพันธกรณีเกี่ยวกับการให้เงินทุนแก่ประเทศกำลังพัฒนาในการรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ นอกจากนั้น รัฐบาลของประเทภาคี ควรจะนำเสนอรายงานการตรวจสอบตามข้อตกลงในอนุสัญญาอย่างโปร่งใส ท้ายที่สุด และคงเป็นปัญหาที่แก้ไขยากที่สุด คือ รัฐบาลประเทศภาคีล้วนเห็นพ้องต้องกันว่า ต้องการกำหนดพันธกรณีที่มีข้อผูกพันทางกฎหมายเกี่ยวกับการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงดังกล่าว
ขณะนี้ เหลือเวลาอีกไม่ถึง 4 เดือนก็จะเปิดการประชุมที่เคนคูนแล้ว ทว่าฝ่ายต่าง ๆ ยังคงมีข้อขัดแย้งอย่างมากในปัญหาสำคัญต่าง ๆ อาทิ การขยายเวลาของ "พิธีสารเกียวโต" เป้าหมายการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เป็นต้น นายหวงฮุ่ยคังตัวแทนจากประเทศจีนที่เข้าร่วมการเจรจาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกล่าวว่า ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมกว่า 200 ปีที่ผ่า่นมา ประเทศพัฒนาแล้วมีรูปแบบการผลิตและการใช้ชีวิตที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ทำให้มีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศเพิ่มขึ้นอย่างมาก จึงควรถือเป็นภาระรับผิดชอบโดยตรงต่อปัญหาดังกล่าวที่ตามมา สิ่งสำคัญในปัจจุับันคือ ประเทศที่พัฒนาแล้วควรเป็นผู้นำในการเดินหน้าลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขนานใหญ่ โดยมีเป้าหมายคือ ปี 2020 ต้องลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 40% เมื่อเทียบกับปี 1990 หากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ ก็จะเป็นที่ผิดหวังของประชาคมโลก
(PL/Lin)