การประชุมขยายวงรัฐมนตรีกลาโหมของอาเซียนครั้งแรกหรือ "การประชุมรัฐมนตรีกลาโหม 10+8 " ที่มีประเด็นหลักว่า "ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ เพื่อสันติภาพ เสถียรภาพและการพัฒนาของภูมิภาคนี้" จะจัดขึ้นที่กรุงฮานอยในวันที่ 12 ตุลาคมที่จะถึงนี้ รัฐมนตรีกลาโหมหรือตัวแทนจาก 10 ประเทศอาเซียนและออสเตรเลีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ รัสเซีย เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกาจะเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้
นายเหลียง กวางเลี่ย มนตรีแห่งชาติและรัฐมนตรีกลาโหมของจีนจะเข้าร่วมประชุมตามคำเชิญ และจะพบปะกับนายโรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ที่กรุงฮานอย ซึ่งนับเป็นการพบปะระหว่างผู้นำทหารระดับสูงของสองประเทศเป็นครั้งแรกหลังจากจีนประกาศยุติการไปมาหาสู่กันระหว่างผู้นำทหารระดับสูงของสองประเทศเฉพาะกาลจากกรณีที่สหรัฐฯ ขายอาวุธแก่ไต้หวันเมื่อต้นปีนี้เป็นต้นมา
เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ รัฐบาลโอบามาอนุญาตให้ขายอาวุธมูลค่า 6,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แก่ไต้หวัน ซึ่งได้กระทบถึงผลประโยชน์สำคัญของจีน ฝ่ายจีนจึงประกาศว่ายุติการเยือนซึ่งกันและกันระหว่างทหารทั้งสองประเทศ ซึ่งได้หยุดไปเป็นเวลา 9 เดือนแล้ว นอกจากนี้ หลังเกิด "เหตุการณ์เรือรบโชนัน" แล้ว สหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ได้จัดการซ้อมรบร่วมกันที่ทะเลหวางไห่ เลยยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ทางการทหารระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ตกอยู่ในภาวะตึงเครียดขึ้น อีกทั้งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ประกาศว่า ปัญหาทะเลจีนใต้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ทำให้เกิดการปะทะทางการทูตระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
เห็นได้ชัดว่า ในฐานะเป็นมหาประเทศสำคัญ การปะทะระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ไม่ควรยืดเยื้อเป็นเวลานาน โดยเฉพาะการยุติการแลกเปลี่ยนทางการทหาร ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อความเชื่อถือกันระหว่างสองฝ่าย และทำให้เกิดปัจจัยไม่มั่นคงในภูมิภาคนี้เพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งไม่สอดคล้องกับความปรารถนาของทั้งสองประเทศ หลังการพบปะกันของรัฐมนตรีกลาโหมครั้งนี้แล้ว นายเกตส์ยังมีแผนจะมาเยือนจีนก่อนเดือนมกราคมปีหน้า โดยหวังว่าความสัมพันธ์ทางการทหารระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะฟื้นฟูสู่ภาวะปกติอย่างมีขั้นตอน ซึ่งจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคนี้
นอกจากนี้ การประชุมครั้งนี้จะอภิปรายถึงปัญหาทะเลจีนใต้หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เมื่อเร็วๆ นี้ เวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศเจ้าภาพประกาศว่า การประชุมครั้งนี้จะยืนยันถึงความสามัคคี เอกภาพ และความตั้งใจในการขยายความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศเพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคนี้ของสมาชิกอาเซียน และการประชุมครั้งนี้ยังมีความหมายสำคัญทางการเมืองและประวัติศาสตร์ เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นของกลไกความร่วมมือเพื่อความมั่นคงด้านการป้องกันประเทศระดับสูงสุด ในที่ประชุมครั้งนี้ ประเทศสมาชิกของอาเซียนจะตกลงความร่วมมือสำคัญ 5 ด้าน ได้แก่ ความมั่นคงทางทะเล การพิทักษ์สันติภาพ ความร่วมมือในการแพทย์ทหาร การปราบปรามการก่อการร้าย ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัย
ตามกำหนดการของการประชุมที่ประกาศไว้ระบุว่า ที่ประชุมจะรับฟังรายงานเกี่ยวกับสภาพการพัฒนาของอาเซียน โดยนายฝ่ง กวาง ทันห์ รัฐมนตรีกลาโหมเวียดนามจะกล่าวคำปราศัยตามประเด็นหลักของการประชุม ซึ่งเกี่ยวข้องถึงผลการพัฒนาความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศและการทหารของอาเซียน และการก่อตั้งองค์กรความร่วมมือทางการเมืองและความมั่นคงของอาเซียน นอกจากนั้น ที่ประชุมยังคงจะลงนามในเอกสารต่างๆ ซึ่งรวมถึงแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการประชุมขยายวงรัฐมนตรีกลาโหมของอาเซียนครั้งแรก