เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ นายสี จิ้นผิง รองประธานาธิบดีจีนได้ร่วมงานเลี้ยงรับรองเนื่องในโอกาส 20 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-สิงคโปร์ ซึ่งจัดขึ้นที่สิงคโปร์ อีกทั้งกล่าวปาฐกถาด้วย โดยชื่นชมความสัมพันธ์จีน-อาเซียนว่า "ได้ก้าวสู่ขั้นใหม่อย่างต่อเนื่อง" นอกจากนี้ เขายังระบุถึงแนวทางของจีนในการจัดการความสัมพันธ์กับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์กับประเทศรอบข้าง หลังจากจีนมีการพัฒนามากขึ้น
สำหรับความสัมพันธ์จีน-อาเซียนนั้น นายสี จิ้นผิงระบุว่า นับตั้งแต่จีนกับอาเซียนเริ่มต้นกระบวนการเจรจาเมื่อทศวรรษปี 1990 เป็นต้นมา ความสัมพันธ์ได้ก้าวสู่ขั้นใหม่อย่างต่อเนื่อง จีนเป็นประเทศแรกนอกกลุ่มที่ลงนามเป็นภาคีของ "สนธิสัญญาว่าด้วยมิตรภาพและความร่วมมือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" และแสดงท่าทีอย่างชัดแจ้งว่าสนับสนุน "สนธิสัญญาว่าด้วยเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ขณะนี้เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนได้จัดตั้งขึ้นอย่างราบรื่นในทุกๆ ด้าน จีนพัฒนาเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับ 1 ของอาเซียน ขณะที่อาเซียนเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับ 4 ของจีน
นายสี จิ้นผิงระบุว่า ปีนี้เป็นปีสำคัญในการสืบสานความสัมพันธ์จีน-อาเซียนให้พัฒนาต่อไป โดยทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินโครงการปฏิบัติการระยะ 5 ปีฉบับแรกตามปฏิญญาร่วมว่าด้วยการสร้างความสัมพันธ์ฉันหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่มุ่งสู่สันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองด้วยผลอันเป็นที่น่าพอใจ ส่วนโครงการปฏิบัติการระยะ 5 ปีฉบับที่ 2 ก็ได้ริเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ เขาเชื่อมั่นว่า ทั้งนี้ย่อมจะสร้างแรงขับเคลื่อนและเป็นพลังให้การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายในขั้นต่อไป
นายสี จิ้นผิงกล่าวว่า มิตรสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างจีนกับอาเซียนไม่เพียงสร้างความผาสุกแก่ประชาชนทั้งสองฝ่ายอย่างต่อเนื่องเท่านั้น หากยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพิทักษ์และส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในเอเชียอีกด้วย กับอาเซียนนั้นจีนจะให้ความเคารพ ปฏิบัติต่อกันด้วยความเสมอภาคเท่าเทียม เป็นมิตรและเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ดำเนินความร่วมมือแบบอำนวยประโยชน์แก่กัน และพัฒนาร่วมกันดังที่แล้วๆ มา รวมถึงสนับสนุนการสร้างประชาคมอาเซียนดังที่แล้วๆ มา และสนับสนุนอาเซียนให้เป็นแกนนำในความร่วมมือภูมิภาคดังที่แล้วๆ มา
สถิติจากฝ่ายจีนระบุว่า ช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนกันยายนปี 2010 ยอดการค้าทวิภาคีจีน-อาเซียนมีวงเงินถึง 211,310 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตร้อยละ 43.7 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่ยอดการค้าทวิภาคีในปีนี้จะสร้างระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา ยอดการค้าทวิภาคีและยอดการลงทุนต่อกันเติบโตร้อยละ 172 และร้อยละ 142 ตามลำดับ
สำหรับเรื่องที่ว่าจีนพัฒนาขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของโลกในด้านเศรษฐกิจ และแนวทางของจีนในการจัดการความสัมพันธ์กับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์กับประเทศรอบข้าง นายสี จิ้นผิงได้พูดไว้ 3 ประการดังต่อไปนี้
ประการแรก จีนยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา จีนต้องการสร้างความทันสมัย ให้ประชาชนทั้งปวงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคง มั่งคั่งและสุขสวัสดิ์ ซึ่งยังต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเป็นเวลาอีกยาวนาน
ประการที่สอง เมื่อจีนมีความเจริญและความมั่นคง จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อประเทศใดๆ หากยังจะสร้างโอกาสการพัฒนาร่วมกันที่มากกว่าเดิม
และประการที่สาม จีนจะแบกรับภาระหน้าที่เท่าที่สามารถในการรักษาสันติภาพของภูมิภาคและส่งเสริมการพัฒนาด้วยกันดังที่ผ่านมา
(Ton/LING)