เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เป็น 2.5% เพื่อสกัดเงินเฟ้อพุ่งกระฉูด หลังราคาน้ำมัน และราคาสินค้าขยับขึ้น พร้อมปรับการประมาณการเงินเฟ้อขึ้นอีก 0.5% เชื่อมีโอกาสสูงกว่านี้ จากการปล่อยลอยตัวราคาสินค้า และเลิกอุดหนุนดีเซลสิ้นเดือนเมษายนนี้
วันเดียวกัน นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายนโยบายการเงิน แถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่า กนง.มีความเห็นว่า การปรับขึ้นของราคาน้ำมันโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น เป็นปัจจัยชั่วคราว และยังไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจไทยก็เช่นเดียวกัน กนง.เห็นว่า จะไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากปัจจัยดังกล่าว นอกจากนั้น พื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวได้ดี ทั้งการส่งออก การอุปโภคบริโภคในประเทศ การผลิต และการลงทุนในระยะที่ผ่านมาจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อไปได้
(TON/DAI)