เฉิน กวงเปียว นักบริจาคมือหนึ่งของจีน
  2011-03-14 15:35:55  cri
ระหว่าง "การประชุมสองสภาฯ" มีผู้ร่วมสังเกตการณ์ในที่ประชุมรายหนึ่ง ที่ได้รับความสนใจจากสื่อหลายสำนัก เขาไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ หรือสมาชิกสภาปรึกษาการเมืองแห่งชาติ แต่เป็น "ผู้สังเกตการณ์ที่ได้รับเชิญให้เข้าฟังการประชุมสองสภาฯ" เขาปรากฏตัวในที่ "ประชุมสองสภาฯ" ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 11 ปีแล้ว เขาคนนี้ก็คือ นายเฉิน กวงเปียว (陈光标) ผู้ได้ชื่อว่า "นักบริจาคหมายเลข 1 ของจีน" เขาย้ำว่า

"ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ล้วนควรทำเพื่อการกุศล"

เฉินกวงเปียวเริ่มผันตัวเข้าสู่วงการบริจาคเงินเพื่อการกุศลตั้งแต่ปี 1996 จนถึงขณะนี้ เขาได้บริจาคเงินทองและสิ่งของให้แก่สังคมรวม 1,400 ล้านหยวน ช่วยผู้คนกว่า 500,000 คน

"เริ่มแรกที่ทำธุรกิจนั้น ผมนำร้อยละ 5 ของผลกำไรสุทธิออกมาเป็นเงินบริจาค จากนั้นก็เพิ่มสัดส่วนขึ้นมาเป็นร้อยละ 10 ร้อยละ 15 และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปี 2010 ยอดรายได้ในธุรกิจของผมเป็นเงินประมาณ 11,000 ล้านหยวน กำไรสุทธิ 450 ล้านหยวน นำไปบริจาค 310 ล้านหยวน นับเป็นปีที่บริจาคเงินมากที่สุด"

"การที่ผมบริจาคเงินก้อนมหึมาขนาดนี้ใช่ว่าเพื่อโฆษณาผมคนเดียว ที่สำคัญเพื่อส่งผลกระตุ้นให้คนที่รวยมากกว่ามาบริจาค ผมขอร้องว่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ล้วนควรทำเพื่อการกุศล"

นอกจากการบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไรแล้ว นายเฉิน กวงเปียวยังสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างมาก

"ปัจจุบันผมมุ่งการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ให้เศรษฐกิจหมุนเวียน ทรัพยากรสมารถรีไซเคิล นำกลับมาใช้ใหม่ได้ และการกำจัดขยะที่เกิดจากการก่อสร้างและขยะในเมือง เพื่อบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมและลูกหลาน"

ศรัทธาอันแรงกล้าของเขาและครอบครัวในการแก้ไขปัญหาสภาพแวดล้อมถึงขั้นเปลี่ยนชื่อเรียกขานกันเองภายในครอบครัวให้เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเตือนใจกันได้จะจะมากยิ่งขึ้น โดยนาย เฉิน กวงเปียวให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 2 มีนาคมนี้ ว่า เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ครอบครัวเขา 4 คนล้วนเปลี่ยนชื่อหมด "ผมเปลี่ยนชื่อเป็น เฉินตีท่าน (เฉินคาร์บอนต่ำ) ภรรยาชื่อ จางลวี่เซ่อ (จางสีเขียว) ลูกชาย 2 คนชื่อ เฉินหวนเป่า (เฉินอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม) และ เฉินหวนจิ้ง (เฉินสิ่งแวดล้อม) ตามลำดับ คือ คาร์บอนต่ำ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมสีเขียว ล้วนอยู่บ้านผม" เขายังเล่าว่า เวลาอยู่ที่บ้านก็ใช้ชื่อใหม่ที่เปลี่ยนมา

เขายังระบุว่า ในที่ประชุม "สองสภาฯ" ปีนี้ เขาก็ยื่นญัตติเกี่ยวกับคาร์บอนต่ำด้วย

"ข้อเสนอในปีนี้คือ นำคำว่า 'อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม' 'การกุศล' 'ระบบนิเวศ' ไปพิมพ์ไว้ในเครื่องใช้ประจำวันของเรา เพื่อตอกย้ำความรับผิดชอบต่อสังคม อย่างเช่น เมื่อหยิบตะเกียบขึ้นมา บนตะเกียบพิมพ์ไว้ว่า 'การใช้ชีวิตคาร์บอนต่ำ ทุกคนล้วนมีหน้าที่' 'อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสร้างความผาสุกแก่ชนรุ่นหลัง' เป็นต้น ซึ่งเป็นการเสริมจิตสำนึกให้มากขึ้นในทุกด้าน ผมคิดว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง"

นายเฉิน กวงเปียว เป็นอาสาสมัครภาคเอกชนชาวต่างชาติคนแรกที่เดินทางถึงญี่ปุ่น

ขณะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.8 ริกเตอร์ในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม เขากำลังร่วมสังเกตการณ์ประชุมสองสภา ทันทีที่ทราบข่าวเขาได้ยื่นใบลาต่อที่ประชุมเพื่อเดินทางไปญี่ปุ่น ปรากฏว่า ได้รับอนุมัติทันที เขาและเพื่อนอีก 6 คนเดินทางถึงญี่ปุ่นในวันที่ 12 มีนาคม นับเป็นอาสาสมัครภาคเอกชนชาวต่างชาติคนแรกที่เดินทางถึงญี่ปุ่น สิ่งแรกที่เขาทำคือ ตรงไปยังซุเปอร์มาเก็ต เลือกซื้อน้ำ อาหารแห้ง ข้าวของเครื่องใช้สำหรับผู้ประสบภัยรวมประมาณ 5 คันรถบรรทุก เป็นเงิน 800,000 หยวน หรือประมาณ 4 ล้านบาท มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ประสบภัย และยังได้บริจาคเงินอีกจำนวนหนึ่งโดยบอกว่าจะบริจาคเพิ่มอีก 50,000 ดอลล่าร์สหรัฐ

ก่อนหน้านี้มีแผ่นดินไหวที่มณฑลยูนนาน นายเฉิน กวงเปียวก็ได้บริจาคเงินและสิ่งของช่วยผู้ประสบภัยด้วย เขาตั้งเป้าหมายว่า จะเป็นนักบริจาคที่บริจาคเงินมากเป็นอันดับ 1 ของโลกให้จงได้ อยากให้มีเศรษฐีใจบุญอย่างนี้มาก ๆ จัง แข่งกันแบ่งปัน ร่วมกันสร้างสรรค์จรรโลงโลกของเราให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น พวกเศรษฐีที่ดีแต่ขี้เหนียว เอาแต่ได้ถ่ายเดียว น่าจะลองมาทำอย่างนายเฉินดูบ้าง ไม่แน่นะอาจจะติดใจ จนกลายเป็นนักบริจาคตัวจริงขึ้นมาได้

ประวัตินายเฉิน กวงเปียว

เกิดเดือนกรกฎาคม ปี 1968 เป็นชาวมณฑลเจียงซู เมื่อปี 2010 เขาประกาศว่า เขาจะบริจาคทรัพย์สินทั้งหมดหลังเสียชีวิต

เขาเกิดในครอบครัวที่มีฐานะยากจนในชนบท มีพี่น้องรวมทั้งหมด 5 คน ตอนเขาอายุ 2 ขวบ พี่ชายกับพี่สาวเสียชีวิตเนื่องจากไม่มีอาหารกิน ซึ่งสร้างความหวาดกลัวแก่เขาอย่างมาก นอกจากนี้ ระหว่างปี 1968-1978 เขาแทบไม่เคยรับประทานเนื้อสัตว์ อยู่แบบอดมื้อกินมือ ทั้งนี้ทำให้เขาตระหนักว่า "ต้องเปลี่ยนชะตากรรมตัวเอง ต้องหลุดจากความยากจนข้นแค้นและสร้างความร่ำรวย"

ปี 1978 เขาอายุ 10 ขวบก็เริ่มค้าขายเล็กๆ น้อยๆ คือ เจียดเวลาพักเที่ยงจากโรงเรียนไปตักน้ำจากบ่อแล้วหาบไปขายในตำบล ขายในราคา หาบละ1 เฟิน ซึ่งวันหนึ่งมีรายได้ 2-3 เหมา พอเปิดเทอมค่าหนังสือเพียง 1.8 หยวน เมื่อเขารู้ว่า เด็กเพื่อนบ้านไม่มีเงินชำระค่าหนังสือ เขาก็ช่วยออกเงินให้ นี่คือครั้งแรกที่เขาให้ความช่วยเหลือผู้อื่นด้วยเงินที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเขา เขาบอกว่า ความสุขในใจหอมหวานกว่าน้ำผึ้งเป็นไหนๆ

ตอนอายุ 17 ปี เขามีรายได้ 20,000 หยวน กลายเป็น "หนุ่มผู้มีหมื่นหยวน" คนแรกในหมู่บ้าน เมื่ออายุ 28 เขาพัฒนาขึ้นมาเป็นเจ้าของบริษัทซึ่งเป็นบริษัทแรกในชีวิตของเขา ปัจจุบัน เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับการกำจัดขยะ รีไซเคิ้ล และอื่น ๆ

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040