มหาวิทยาลัยในฝัน
เพื่อน ๆ ยังจำช่วงชีวิตตอนที่อายุ 15-18 ได้ไหมคะ ช่วงที่ยังเป็นนักเรียน ม.ปลายกันอยู่ แนนเชื่อแน่นอนว่า คนส่วนมากในช่วงนั้นต้องมีความคิดเรื่องการเข้ามหาวิทยาลัยกันทุกคน และทุกคนก็ต้องมีมหาวิทยาลัยในดวงใจและคณะในใจกันอยู่แล้วตามความชอบของตัวเอง ใช่ไหมคะ สำหรับแนน ซึ่งเรียน ม.ปลาย แผนกศิลป์- ภาษาจีน มหาวิทยาลัยในใจของแนน คือ "มหาวิทยาลัยปักกิ่ง" เพื่อน ๆ เห็นด้วยไหมคะว่า นอกจากจะเรียกว่าเป็นมหาวิทยาลัยในใจแล้ว ยังน่าจะเพิ่มคำว่า "ในฝัน" เข้าไปด้วย เพราะเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า มหาวิทยาลัยนี้ เป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของจีน ขึ้นชื่อว่าเข้ายากมาก
มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เป็นที่รู้จักของคนไทยตั้งแต่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จมาศึกษาภาษาจีนที่นี่ ซึ่งก็ทำให้คนไทยรู้จักมหาวิทยาลัยปักกิ่งกันอย่างแพร่หลาย
เมื่อพระองค์ท่านเสด็จกลับประเทศไทย พระองค์ท่านได้ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือชื่อ "เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักเรียนนอก" ออกมา หนังสือเล่มนี้เหมือนเป็นบันทึกส่วนพระองค์เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาภาษา ศิลปะและวัฒนธรรมจีน ณ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2001 โดยทรงเล่าถึงความเป็นอยู่แบบนักศึกษา พระราชกิจวัตรประจำวัน สถานที่ที่เสด็จเยือนและบุคคลสำคัญที่ได้ทรงเยี่ยมตลอดระยะเวลา 1 เดือน จนกระทั่งทรงสำเร็จการศึกษา ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง
ที่บ้านแนนก็ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านด้วยเหมือนกันค่ะ อ่านแล้วประทับใจมาก รู้สึกว่าได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน รู้สึกว่าพระองค์ท่านทรงบรรยายได้เห็นภาพจริง ๆ ทั้งบรรยากาศของมหาวิทยาลัย และบรรยากาศการเรียนการสอน
ดังนั้น ตอนแนนเรียนชั้น ม.6 เมื่อทางโรงเรียนให้โอกาสในการสมัครชิงทุนรัฐบาลจีนเข้าศึกษาระดับปริญญาตรี แนนจึงไม่มีการรอช้า รีบจัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ โดยเร็ว ยังจำได้ว่าในใบสมัครเค้าให้เลือกมหาวิทยาลัยได้ 3 แห่ง คงเดากันได้นะคะว่าอันดับ 1 แนนเขียนมหาวิทยาลัยอะไร แน่นอนค่ะ ก็ต้องเป็นมหาวิทยาลัยปักกิ่งอยู่แล้ว พอยื่นไปแล้วก็ต้องรอลุ้นผลกันค่ะ จำได้ว่า ตั้งแต่ส่งใบสมัครไปจนกระทั่งมีการตอบรับ ใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือนเลยนะคะ
ในวันที่ผลออกมานั้น พอแนนทราบผลว่าได้เรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง แนนรีบโทรศัพท์ไปบอกคุณแม่เลยค่ะ ยังจำได้แม่นเลยว่าพูดว่า "แม่จ๋า แม่ได้มีลูกเรียนเป่ยต้าแล้วนะ" อ้อ "เป่ยต้า" เป็นคำเรียกสั้น ๆ ของมหาวิทยาลัยปักกิ่งค่ะ มาจากคำว่า "เป่ยจิง ต้าเสวีย" ซึ่ง เป่ยจิง ก็คือ ปักกิ่ง ต้าเสวีย ก็คือ มหาวิทยาลัย นั่นเองค่ะ
มหาวิทยาลัยปักกิ่ง หรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Peking University เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศจีน ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ.1898 มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เป็นมหาวิทยาลัยสหสาขาวิชาขนาดใหญ่ ประกอบด้วย 41 คณะ มีนักเรียนรวมตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอกเกือบ 30000 คน มีประเพณีและวัฒนธรรมอันเก่าแก่ยาวนาน มีการประสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยทั่วโลก และท่านประธานเหมาเจ๋อตง ก็เคยทำงานในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยปักกิ่งด้วยนะคะ
เมื่อแนนได้มาถึงมหาวิทยาลัยจริง ๆ ก็ไม่ผิดหวังเลยค่ะ บรรยากาศ เหมือนสวนสาธารณะ ตึกเรียนยังคงสภาพเป็นตึกทรงโบราณเหมือนในหนังกำลังภายใน ประตูด้านตะวันตกก็สวยงามมาก ซึ่งแนนก็ไม่พลาดที่จะไปเก็บรูปคู่ นอกจากนี้ เว่ยหมิงหู ซึ่งเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ก็น่าไปเดินสบาย ๆ
ตอนไปครั้งแรก คุณพ่อคุณแม่ไปส่งแนนด้วย พวกเราก็พากันเดินรอบ ๆ มหาวิทยาลัย ให้รู้จักโรงอาหาร ร้านซักรีด ซุปเปอร์มาเก็ต แล้วก็ได้เห็นบางอย่างที่ไม่เหมือนเมืองไทย เช่น มีห้องจ่ายน้ำร้อน เห็นนักเรียนจีนเอากระติกน้ำร้อนมาเติมกันเต็มเลย
พวกเราเดินไปเดินมา จนกระทั่งผ่านตึกหลังหนึ่งที่ปิดมิดชิด แต่พอเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก็ได้ยินเสียงน้ำซู่ ๆ แล้วก็เห็นนักเรียนจีนทยอยเดินกันออกมา ทุกคนเหมือนกันหมด ผมเปียก ๆ หิ้วตระกร้าใบเล็ก ๆ ใส่แชมพู สบู่ แนนกับคุณแม่ก็เดากันว่า นี่ท่าจะเป็นสระว่ายน้ำแน่ๆ ดีนะ มหาวิทยาลัยทำซะมิดชิดเชียว แต่หลังจากนั้นอีกเป็นหลายเดือน แนนได้คุยกับนักเรียนจีนถึงได้รู้ว่า ที่นั่นน่ะ คือห้องอาบน้ำรวมของนักเรียนจีนต่างหาก ดีนะคะที่ตอนนั้นยังไม่ได้คิดจะชวนใครไปว่ายน้ำ ไม่งั้นคงหน้าแตกแน่ ๆ เลย
เล่าความประทับใจต่อมหาวิทยาลัยปักกิ่งกันเพียงเท่านี้ก่อนค่ะ วันหลังถ้ามีโอกาส แนนจะพาเดินเที่ยวชมรอบ ๆ มหาวิทยาลัยกันนะคะ
แนน