เมื่อเร็วๆ นี้ ปัญหาหนี้สินของยุโรปและสหรัฐฯ เป็นเหตุทำให้ตลาดการเงินของโลกปั่นป่วน และยังผลให้นโยบายการเงินของประเทศที่พัฒนาใหม่ในเอเชียตกอยู่ในภาวะลำบากด้วย
นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์แสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งต่อการกระทำของยุโรปและสหรัญฯ ต่อปัญหาหนี้สิน โดยชี้ให้เห็นว่า การปรับลดอันดับหนี้สินแสดงว่า สหรัฐฯ สูญเสียความสามารถทางการเมือง
นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อของเวียดนามไสูงถึงร้อยละ 20 ขึ้นไป โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ธนาคารกลางเวียตนามปรับลดอัตราดอกเบี้ยส่วนหนึ่งอย่างฉับพลัน แสดงให้เห็นความไม่เป็นระบบระเบียบของนโยบายการเงิน
ส่วนอัตราเงินเฟ้อของมาเลเซียอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 ธนาคารกลางได้หยุดดำเนินนโยบายรัดกุม และเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา ธนาคารกลางของไทยประกาศปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 6 ในปีนี้ ในที่ประชุมว่าด้วยนโยบายการเงิน
เพราะฉะนั้น การจะส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ให้ราคาสินค้าคงตัวได้อย่างไรนั้น จึงเป็นการท้าทายที่หนักหน่วงสำหรับธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ในเอเชีย