ปักกิ่งเพลินเพลินสัปดาห์นี้จะพาไปเพลินกับความแปลกใหม่ในปักกิ่งที่ไม่มีในไกด์บุ๊ค นอกจากสถานที่ที่ต้องไปให้ได้ ถ้าไม่ไปถือว่าไปไม่ถึงเมืองจีน เช่น กำแพงเมืองจีน พระราชวังต้องห้าม หอฟ้าเทียนถาน พระราชวังฤดูร้อน ย่านที่พักอาศัยสไตล์จีนโบราณ หรือช้อปปิ้งเซนเตอร์อีกมากมาย แต่สำหรับบางคนที่เคยมาเที่ยวปักกิ่งหลายครั้ง อาจจะเริ่มนึกถึงความแปลกใหม่ที่ต่างไปจากการท่องเที่ยวครั้งก่อน และน่าจะเป็นข้อมูลเพิ่มเติมให้กับคนที่ไม่เคยมาปักกิ่งอีกด้วย ลองไปเพลินพร้อมกันเลยดีกว่า

ภาพที่ 1

1. ค้นพบประสบการณ์แปลกใหม่กับ Natooke เป็นชื่อร้านจักรยานแบบฟิกซ์เกียร์และขายอุปกรณ์การละเล่นจั๊กกลิ้ง เช่น บอล พิน ลูกแก้ว กระบอง เป็นต้น ที่นี่เป็นที่นัดพบพูดคุยแลกเปลี่ยนของเหล่าเซียนจักรยานฟิกซ์เกียร์และจั๊กกลิ้งแห่งแรกและแห่งเดียวในกรุงปักกิ่ง ถ้ามาเที่ยวที่นี่แล้วนึกสนุกลองมาทดลองเล่นก่อนได้ ร้านตั้งอยู่ในย่านอู่เต้าหยิง หูท่ง ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟใต้ดินยงเหอกงหรือวัดลามะ

2. การช้อปปิ้งที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผู้คนอีกมากมาย ลองแวะมาดูสินค้าที่ร้าน Brand Nü แปลว่า แบรนด์สำหรับผู้หญิง จำหน่ายสินค้าสไตล์วินเทจทั่วไปและจำหน่ายสินค้าประเภทหัตถกรรมที่ดำเนินรูปแบบแฟร์เทรด(Fair trade) คือทางร้านจะรับสินค้ามาจากกลุ่มแม่บ้านชนเผ่าและมณฑลต่างๆของจีนที่ดำรงชีพด้วยการทำงานฝีมือ ไม่ว่าจะเป็น รองเท้าขนสัตว์ทอมือและเครื่องเงินจากกุ้ยโจว ผ้าคลุมไหล่ที่ทำจากขนจามรีจากชิงไห่และซินเจียง เป็นต้น นอกจากลูกค้าจะได้สินค้าที่มีเอกลักษณ์และไม่ซ้ำใครแล้ว การช้อปปิ้งของคุณยังสร้างรายได้และความเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตของกลุ่มแม่บ้านในชนบทนี้ดีขึ้นด้วย ร้านนี้อยู่ละแวกเดียวกับร้านจักรยานฟิกซ์เกียร์

3. ปรุงความหอมกลิ่นใหม่ตามที่ต้องการ ร้านน้ำหอมที่นี่ไม่มีน้ำหอมตั้งโชว์ไว้บริการ แต่เป็นร้านน้ำหอมที่รวบรวมกลิ่นต่างๆ ในโลก เช่น กลิ่นสดชื่นของผืนดิน กลิ่นทะเล กลิ่นแป้งเด็ก กลิ่นกายของผู้มีชื่อเสียง กลิ่นค๊อกเทลต่างๆ ได้ตั้งเรียงรายให้ลูกค้าทดลองดมและปรุงน้ำหอมตามกลิ่นที่ต้องการโดยมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ร้านนี้อยู่ในแหล่งช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมย่านซานหลี่ถุน

4. ลิ้มลองอาหารในบรรยากาศยุคปฏิวัติของจีน ร้านอาหารปฏิวัติหรือร้านอาหารสีแดงเป็นร้านอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกรุงปักกิ่งในเวลานี้ ร้านนี้ประดับตกแต่งด้วยภาพของประธานธิบดีเหมา เจ๋อตุง ธงดาวแดง ภาพวาดค้อนเคียว คำขวัญ คำกลอนเพื่อการปฏิวัติ และยังเปิดเพลงยุคปฏิวัติคลอไปด้วย แม้กระทั่งพนักงานบริการยังแต่งกายแบบยุคปฏิวัติอีกด้วย เสริฟอาหารแบบถาดหลุมแบบที่ใช้ในค่ายทหารของยุคนั้น สร้างบรรยากาศให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนอยู่ในยุคปฏิวัติอีกครั้ง ที่สำคัญห้ามพลาดชมการแสดงและขับร้องเพลงยุคปฏิวัติของจีน สำหรับชาวต่างชาติจะได้รับสมุดประจำตัวสีแดงเป็นของที่ระลึกด้วย

ภาพที่ 2

5. หาความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับจีน ไม่ว่าคุณจะอยู่ปักกิ่งนานแค่ไหน ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเพิ่มเติมความรู้เกี่ยวกับประเทศนี้เลย ทุกอย่างที่เป็นจีนได้บอกเล่าไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งประชาชาติจีน เพิ่งเปิดให้บริการใหม่อีกครั้งในเดือนมีนาคาที่ผ่านมา หลังจากปิดปรับปรุงถึงสี่ปี ตอนนี้ทางการจีนได้เปิดให้บริการฟรีด้วย

6. ธนาคารกลางที่เล็กและเก่าแก่ที่สุดในปักกิ่ง ตั้งอยู่ที่เฉียนชี หูท่ง เป็นย่านการค้าและการเงินของหูท่งในสมัยก่อน และเป็นหูท่งที่เล็กที่สุดในปักกิ่ง สร้างสมัยราชวงศ์หมิง ความกว้างแค่ 40 ซม. สำหรับแค่หนึ่งคนเดินได้ระหว่างตึก สร้างเพื่อต้องการป้องกันขโมย พอเดินในทางบังคับแบบคนเดียวมาสัก 50 เมตรจะพบกับธนาคารที่เล็กและเก่าแก่ที่สุดในปักกิ่ง

7. อย่าพลาดชิมไอติมแบบปักกิ่ง มีอาหารการกินมากมายในปักกิ่งที่ต้องลองชิมกัน ขอแนะนำไอติมแบบปักกิ่ง มีชื่อว่า ต้าหงกั่ว แปลว่า ผลไม้สีแดงผลใหญ่ ไอติมรสสละไซเดอร์สีแดงสดใสรสชาติชื่นใจในราคา 1 หยวนเท่านั้น เป็นที่นิยมชมชอบของชาวปักกิ่งทุกเพศทุกวัย ยิ่งในฤดูร้อนชาวปักกิ่งจะซื้อยกโหลใส่ถังน้ำแข็งไว้กินคลายร้อน หาได้ตามร้านค้าทั่วไป

ภาพที่ 3

8. ร้านเป็ดปักกิ่งที่ไม่ได้หนังสือแนะนำ เป็นที่รู้กันว่า มาปักกิ่งต้องกินเป็ดปักกิ่ง เพราะฉะนั้นแล้วเสมือนมาไม่ถึงปักกิ่ง แต่อยากให้ลืมชื่อร้านเป็ดปักกิ่งชื่อดังต่างๆ ของไกด์หรือหนังสือแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะร้านที่รสชาติดั้งเดิมและเก่าแก่จริงๆนั้นอยู่ที่ร้าน เซียงหม่านโหลว เป็นร้านอาหารแบบปักกิ่งอยู่ใกล้ กับติ่งไท่เฟิงสาขาแรกของปักกิ่งที่ขายซาลาเปาแบบดั้งเดิมที่อร่อยที่สุด ตกแต่งแบบธรรมดา แต่มีแค่สองสาขาและมีเป็ดปักกิ่งจำหน่ายในจำนวนจำกัดสำหรับแต่ละวัน จึงทำให้ชาวปักกิ่งแท้ๆ ยอมรับในรสชาติและคุณภาพของร้านนี้

9. โสเครติสประจำมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เมื่อฤดูใบไม้ร่วง 7 ปีที่แล้ว เขาได้มายืนที่หน้าประตูทางเข้าของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เขาคือ แมวแก่สีเหลืองหน้าตาเย็นชาและหางขาด ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เหล่าบรรดานักศึกษาจะเห็นแมวตัวนี้ในห้องเรียน ห้องทดลองวิทยาศาสตร์ ห้องวาดรูป บางทีมันก็ขึ้นไปนั่งเล่นตรงที่บรรยายของอาจารย์รอนักศึกษา หรือแม้กระทั่งในโรงอาหาร จะเห็นมันเดินไปขอข้าวจากนักศึกษาและหลังจากอิ่มแล้ว มันจะเดินไปกินน้ำตรงอ่างล้างมือและเปิดปิดก๊อกน้ำเองทุกครั้ง เหล่าบรรดานักศึกษาจึงเรียกมันว่า "โสเครติส"

10. บ้านลึกลับในกรุงปักกิ่ง ในช่วงปี 1900 เป็นช่วงที่กำลังเกิดความเปลี่ยนแปลงของจีน อังกฤษได้เข้ามามีอิทธิพลมากมายและได้สร้างโบสถ์แบบอังกฤษไว้ด้วย แต่มีโบสถ์แห่งหนึ่งที่สร้างไม่เสร็จสักที หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในจีน โบสถ์แห่งนี้ตกเป็นสมบัติของสมาชิกก๊กมินตั๋ง เขาและครอบครัวได้อาศัยอยู่ที่นี่ ต่อมาทางพรรคพ่ายแพ้และบางส่วนหลบหนีไปไต้หวัน เขาจึงตัดสินใจแขวนคอตายที่โบสถ์ เมื่อเวลาผ่านไปได้มีการเปลี่ยนเจ้าของมากมาย บ้างก็เล่าว่า โบสถ์นี้มีอุโมงค์ใต้ดินยาว 5 กม.เพื่อไปทางตะวันออก แต่โดนทำลายตอนสร้างรถไฟใต้ดินสายที่ 2 ไปเสียก่อน ปัจจุบันเป็นสถานที่ถ่ายทำละครและภาพยนตร์ของจีนหลายเรื่อง ซึ่งดูไม่น่ากลัวเท่าไร ถ้าไม่เชื่อลองแวะมาดูโบสถ์นี้ได้ที่ปักกิ่ง

ในเมืองใหญ่แบบนี้ ยังมีเรื่องราวและความแปลกใหม่อีกมายมายที่รอค้นพบ การเดินทางนั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งไกด์บุ๊คทั้งหมด หากมีการหลงทางบ้าง ไปในสถานที่แปลกใหม่บ้าง พอเจอมิตรภาพของผู้คนต่างภาษาที่ไม่สามารถสื่อสารกันได้นอกจากภาษามือและภาพบ้าง สิ่งเหล่านี้จะทำให้การเดินทางมีสีสันและเป็นความทรงจำให้กับนักเดินทางได้นึกถึงอยู่เรื่อยๆ ความรู้สึกนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้ออกเดินทางมาเยือนเส้นทางเดิมหรือค้นหาเส้นทางใหม่อีกครั้ง

สุชารัตน์ สถาพรอานนท์