ทำไมต้องกล่าวว่า การปฏิวัติซินไฮ่เป็นการปฏิวัติที่ทำให้จีนเกิดการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ศตวรรษที่ 20 นายจิน ชงจี๋ รองผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยเอกสารประวัติศาสตร์ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนระบุว่า ทั้งนี้ต้องพิจารณาจากสาเหตุดังต่อไปนี้
1. การปฏิวัติซินไฮ่เป็นการปฏิวัติแบบประชาธิปไตยแห่งชาติร่วมสมัยครั้งแรก ในประวัติศาสตร์ประชาชาติจีนที่มีมาหลายพันปี การปฏิวัติซินไฮ่ได้เสนอเป้าหมายใหม่เพื่อมุ่งสู่อนาคต และมีความหมายอันยิ่งใหญ่
เบื้องหลังสถานการณ์โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงรุนแรง ทางออกของจีนอยู่ที่ไหน ก่อนหน้านี้ จีนเคยทดลองดำเนินการปฏิวัติหลายรูปแบบหลายครั้ง แต่ไม่เคยสำเร็จและไม่สามารถมองเห็นอนาคตที่สดใส
ดร.ซุน ยัตเซ็นเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ยืนอยู่แนวหน้าแห่งยุคสมัย ยืนเบื้องหน้าข้อขัดแย้งทางสังคมที่สลับซับซ้อนยิ่งของจีน ดร.ซุน ยัตเซ็น ได้เสนอให้แก้ปัญหาหลัก 3 อย่างได้แก่ เอกราชแห่งชาติ การเมืองแบบประชาธิปไตย และความสุขของประชาชน (ซึ่งก็คือ ลัทธิไตรราษฎร์ ) อีกทั้งเสนอให้ใช้รูปแบบการปฏิวัติ ข้อเสนอของ ดร.ซุน ยัตเซ็นเป็นความคิดใหม่ ก่อนหน้านี้ ยังไม่มีใครเสนอเช่นนี้ ซึ่งแนวคิดใหม่ดังกล่าวให้แง่คิดแก่คนจีนหลายชั่วคน
ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ประชาชนจีนหลายชั่วคนใช้ความพยายามและฟันฝ่าต่อสู้อย่างไม่ลดละเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว จนถึงปัจจุบัน คนจีนส่วนใหญ่ยังถือว่า ตนเองเป็นผู้สืบทอดภารกิจของดร.ซุน ยัตเซ็น
2. การปฏิวัติซินไฮ่สามารถโค่นล้มการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และสังคมศักดินาของจีนที่มีมานานหลายพันปี และสร้างระบอบการปกครองแบบสาธารณะรัฐ นี่คือผลงานทางประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่สุดของการปฏิวัติซินไฮ่ จึงมีความหมายลึกซึ้งยาวไกล สิ่งน่าสนใจคือ ในสมัยนั้น ยังมีประเทศที่ใช้ระบอบการปกครองแบบสาธารณรัฐน้อยมาก มีแค่ 2 ประเทศ ทางตะวันตกคือ สหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศส ส่วนในเอเชียนั้นยังไม่มีระบอบการปกครองนี้เลย
3. การยุติลงของระบอบการปกครองสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลึกซึ้งในด้านจิตสำนึกของประชาชนซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง 2 ด้าน คือ การมีจิตสำนึกแบบประชาธิปไตยได้รับความนิยมอย่างมาก และการปลดปล่อยทางความคิด
4. การมีจิตสำนึกแบบประชาธิปไตย ต้องมีเงื่อนไข คือ ประชาชนตระหนักถึงบทบาทของตัวเองที่มีต่อชาติ ดร.ซุน ยัตเซ็นระบุว่า กฎหมายเฉพาะกาลของสาธารณรัฐจีนต้องบรรจุเนื้อความว่า "อธิปไตยของสาธารณรัฐจีนขึ้นกับประชาชนทั้งหลาย" และเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐบาลเป็นผู้รับใช้ประชาชน แม้ว่าในสภาพความเป็นจริง หลายเรื่องยังเหมือนเดิม แต่จิตสำนึกของประชาชนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง และต่างตระหนักถึงตนเองเป็นเจ้าของรัฐ มีสิทธิออกเสียงต่อกิจการบ้านเมือง ดังนั้น สื่อมวลชนต่างสะท้อนความคิดเห็นของมวลชนอย่างคึกคัก สมาคมและกลุ่มชนของสังคมทยอยก่อตั้งขึ้น โดยผลักดันให้มีการจัดกิจกรรมทางสังคมแบบหลากหลาย
ผู้นำและผู้อาวุโสของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เช่น นายจู เต๋อ นายต่ง ปี้อู่ นายหลิน โป๋ฉวี นายอู๋ อวี้จาง เป็นต้น ล้วนเป็นผู้เข้าร่วมการปฏิวัติซินไฮ่ตั้งแต่แรกเริ่ม นายเหมา เจ๋อตง ผู้เยาว์กว่าก็สนับสนุนการปฏิวัติซินไฮ่หลังเกิดลุกฮือสู้อู่ชางแล้ว พวกเขาได้เรียนรู้ประสบการณ์จากการปฏิวัติซินไฮ่ มีวิสัยทัศน์ใหม่และเริ่มการค้นคว้าวิธีใหม่เพื่อพิจารณาแก้ปัญหาประชาชาติจีน
นี่คือประวัติศาสตร์ที่คนรุ่นหลังต้องตามรอยต่อของคนรุ่นเก่า ก้าวต่อไปตามเป้าหมายของคนรุ่นเก่า และต้องพัฒนาให้มากกว่าคนรุ่นเก่าอย่างมาก แต่ต้องไม่ลืมบทบาทและผลสำเร็จทางประวัติศาสตร์ของคนรุ่นเก่า และต้องจดจำตลอดไป เพราะไม่มีเมื่อวานก็ย่อมไม่มีวันนี้และวันพรุ่งนี้
YING/QI