LF:สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ ยินดีต้อนรับสู่รายการ "ประเด็นวันนี้ คุยกันวันละประเด็น" กับผมหลู่ เฟิงและคุณพัลลภ สามสีครับ วันนี้ เราสองคนจะมาพูดคุยกับท่านผู้ฟังเกี่ยวกับประเด็นการดื่มเหล้า ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนปัจจุบัน จีนเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเหล้าอันยาวนาน ในสายตาของชาวจีน เหล้านั้นไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่มที่รสชาติดีและเร้าอารมณ์เท่านั้น หากยังเป็นเครื่องมือเพื่อกระชับมิตรภาพที่สำคัญอีกด้วย ภายใต้กระแสสังคมที่ว่าถ้าดื่มเหล้าไม่เป็นก็ยากที่จะดำรงอยู่ในยุคสมัยที่ทรัพยากรด้านบุคลากรและความสัมพันธ์ทางสังคมอันสลับซับซ้อน เหล้าประเภทต่างๆ ได้กลายเป็นปัจจัยที่กระทบสุขภาพมนุษย์และก่อเกิดปัญหาสังคมที่เกี่ยวข้อง เชิญคุณพัลลภ สามสีเล่าข้อมูลสถิติเกี่ยวกับกลุ่มคนดื่มเหล้าของจีนให้ท่านผู้ฟังก่อนครับ สวัสดีครับคุณพัลลภ สามสี
TON:สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่รักและคุณหลู่ เฟิง หลายปีมานี้ จำนวนผู้ดื่มเหล้าในประเทศจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้คนที่ดื่มเหล้าเป็นประจำมีมากกว่า 600 ล้านคนแล้ว ในกลุ่มนักดื่มดังกล่าว ประมาณ 40% ดื่มเหล้ามากกว่าหนึ่งครั้งทุกวัน ทั่วประเทศจีนบริโภคเหล้าประเภทต่างๆ ตั้ง 30,000 ล้านกิโลกรัมในแต่ละปี องค์การอนามัยโลกก็จัดให้จีนอยู่ในรายชื่อ "ประเทศที่ประสบผลร้ายจากแอลกอฮอล์อย่างรุนแรง" ตั้งแต่ปี 2006 จนถึงทุกวันนี้ มีจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยจากโรคภัยชนิดต่างๆ ที่เกิดจากพิษของแอลกอฮอล์ ล้วนมากกว่าที่เกิดจากการสูบบุหรี่ครับ โดยในแต่ละปี มีผู้ดื่มเหล้ามากเกินควรเสียชีวิต 110,000 คน และกลายเป็นคนพิการอีก 2,730,000 คน ตัวเลขดังกล่าว คิดแล้วน่าตกใจจริงๆ
LF:พูดถึงผลกระทบการดื่มเหล้าที่มีต่อสุขภาพ สมาคมการบำรุงสุขภาพแห่งประเทศจีนและสหพันธ์แพทยศาสตร์แห่งชาติจีนได้ร่วมประกาศ "รายงานสำรวจสภาพการดื่มเหล้าของประชาชนจีน" เมื่อปี 2008 โดยแสดงว่า ผู้ชายจีน 81.4% และผู้หญิงจีน 29.3% ดื่มเหล้า ที่น่าเป็นห่วงคือ 65.4% ของกลุ่มคนที่ดื่มเหล้าพบปัญหาทางสุขภาพ และมีกว่า 30% ไม่สนใจผลร้ายของแอลกอฮอล์ และไม่ได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการควบคุมปริมาณดื่มให้เหมาะสม โดยปริมาณที่ดื่มเฉลี่ยต่อคนของชาวจีนอยู่ที่ 135 กรัม คำนวนตามสัดส่วนเหล้าทุกร้อยกรัมมีแอลกอฮอล์ 38% ก็เท่ากับว่าร่างกายต้องรองรับแอลกอฮอล์ 41.04 กรัมทุกครั้งที่ดื่ม สูงกว่าเพดานความปลอดภัยการรองรับแอลกอฮอล์ของร่างกายที่องค์การอนามัยโลกกำหนด ซึ่งระบุชัดเจนว่า ปริมาณแอลกอฮอล์ที่ผู้ชายรับเข้าไปต่อวันไม่ควรเกิน 20 กรัม ขณะที่ผู้หญิงไม่ควรรับมากกว่า 10 กรัมครับ
TON:ท่านผู้ฟังครับ ยอดการผลิตและการจำหน่ายของอุตสาหกรรมผลิตเหล้าของจีนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ก็สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเพิ่มมากขึ้นของจำนวนผู้ดื่มในจีน เว็บไซต์ของสหพันธ์อุตสาหกรรมผลิตสุราแห่งประเทศจีนแถลงข่าวว่า สถานการณ์การเติบโตของอุตสาหกรรมผลิตเหล้าเปลี่ยนแปลงจากเดิมทีที่เหล้าขาวโตข้างเดียว มาเป็นตลาดของเหล้าทุกประเภทขยายตัวขึ้นพร้อมกันในปัจจุบัน เฉพาะยอดการผลิตเบียร์ต่อปีของจีนเพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 8,000 ตันจากทศวรรษ 1950 มาเป็นกว่า 41,000,000 ตันในปัจจุบัน ขณะที่การผลิตและจำหน่ายเหล้าขาวของจีนรักษาอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว ถึงแม้ปริมาณการบริโภคไวน์ยังน้อยกว่าเบียร์และเหล้าขาวอีกเยอะก็ตาม แต่เฉพาะปี 2008 คนจีนทั่วประเทศก็ได้ดื่มไวน์ถึง 900 ล้านขวด
LF:ท่านผู้ฟังครับ ผลกระทบที่เหล้ามีต่อสุขภาพมากน้อยเพียงไร ขึ้นอยู่กับระดับของแอลกอฮอล์และปริมาณเหล้าที่ดื่มเข้าไป ตับทำหน้าที่ย่อยสลายแอลกอฮอล์และระบายพิษเป็นหลัก จึงเป็นอวัยวะแรกที่ถูกทำลาย แอลกอฮอล์ที่ร่างกายรับเข้าไป 90% จะถูกย่อยสลายที่ตับ ขณะเดียวกันในกระบวนการนี้ สารพิษในแอลกอฮอล์จะทำร้ายตับโดยตรง แพทย์รักษาโรคตับชี้ว่า สำหรับคนทั่วไป ตับสามารถย่อยสลายแอลกอฮอล์ได้ 13.6 กรัมต่อหนึ่งชั่วโมง(เท่ากับปริมาณแอลกอฮอล์ในเบียร์ 335 มิลลิลิตร) ดังนั้น ในช่วงหนึ่งชั่วโมงถ้ารับแอลกอฮอล์มากกว่านี้ ตับก็จะเผชิญกับความเสี่ยงที่ถูกสารพิษทำลาย ผลร้ายที่ตับได้รับจากการเมาเหล้าครั้งหนึ่ง เท่ากับป่วยโรคตับอักเสบหนึ่งครั้ง สำหรับคนชอบดื่มเหล้าหรือดื่มเป็นประจำ ถึงแม้รู้สึกไม่ได้เมา แอลกอฮอล์ที่ย่อยสลายไม่ทันและตกค้างในร่างกายก็จะทรมารตับเสมอ ทำให้เกิดอาการตับมีไขมันมากกว่าปกติ ตับอักเสบเรื้อรัง ค่อยๆ เสื่อมโทรมเป็นโรคตับแข็ง จนกระทั่งตับสูญเสียสมรรถภาพการทำงานในที่สุด
TON:แพทย์รักษาโรคตับเตือนให้ทราบว่า ใครก็ตามถ้าดื่มเหล้าจนได้รับแอลกอฮอล์ถึง 80 กรัมทุกวัน และดื่มแบบนี้เป็นเวลา 10 ปีขึ้นไป ความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคตับแข็งสูงถึง 50% นอกจากตับแล้ว เนื้อเยื่อชั้นนอกของอวัยวะในระบบทางเดินอาหาร ก็มักจะถูกเหล้าทำร้ายเช่นกัน เนื่องจากอวัยวะอื่นๆ เกือบไม่มีสมรรถภาพการย่อยสลายแอลกอฮอล์ โดยแอลกอฮอล์จะไปกระตุ้นเนื้อเยื่อของหลอดอาหาร กระเพาะอาหารและลำไส้อย่างแรงจนทำให้อวัยวะเหล่านี้ทำงานผิดปกติ จนป่วยเป็นกระเพาะอักเสบหรือลำไส้อักเสบ พร้อมเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับและมะเร็งตับอ่อนด้วย ระหว่างดื่มเหล้า ถ้ามีอาการอาเจียน ก็แสดงว่า แอลกอฮอล์กำลังทำร้ายระบบทางเดินอาหารครับ
LF:ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเน้นว่า แอลกอฮอล์ที่มีปริมาณมากกว่าร่างกายต้องการ จะทำให้โรคเรื้อรังอย่างโรคเบาหวานทรุดหนักลง เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นลงผิดปกติ ทำให้โรคเบาหวานมีอาการข้างเคียงรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังทำลายหลอดเลือดหัวใจและสมอง ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น เป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้โรคหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดสมองอุดตัน ซึ่งอันตรายถึงชีวิตเลย ผลร้ายที่แอลกอฮอล์มีต่อระบบสืบพันธ์ของมนุษย์อาจจะถูกคนส่วนใหญ่มองข้ามไป ผลวิจัยทางแพทยศาสตร์ยืนยันว่า แอลกอฮอล์ทำให้ผู้ชายมีอสุจิน้อยลงและเสี่ยงต่อการเป็นหมันได้ ส่วนผู้หญิงตั้งครรภ์ถ้าดื่มเหล้า ก็อาจจะแท้ง คลอดก่อนกำหนดหรือทารกในครรภ์พิการด้วย
TON:ท่านผู้ฟังครับ ดื่มเหล้าในกรณีท้องว่างไม่ดีต่อสุขภาพที่สุดเลย โดยจะเพิ่มความเสี่ยงต่อระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ความดันโลหิตสูง และเสียชีวิตจากพิษแอลกอฮอล์ ในโอกาสที่เลี่ยงการดื่มไม่ได้ ผมจึงอยากเสนอให้ทานผู้ฟังรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและโปรตีนก่อนดื่มเหล้า เช่นอาหารประเภทถั่ว ไข่ไก่ นม ผลไม้สดและผักสด เพราะอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยปกป้องเนื้อเยื่อของระบบทางเดินอาหาร และชะลอการซึมซับแอลกอฮอล์ของอวัยวะต่างๆ จึงทำให้แอลกอฮอล์มีโอกาสน้อยลงในการทำลายอวัยวะในระบบทางเดินอาหารครับ
LF:ท่านผู้ฟังครับ เป็นที่ทราบกันทั่วไปแล้วว่า การดื่มเหล้าบ่อยหรือดื่มมากเกินควรจะทำลายสุขภาพ แต่ในสังคมปัจจุบัน ใครๆ ก็หลีกเลี่ยงการดื่มเหล้าไม่ได้เมื่อทานข้าวกับบุคคลที่มีความหมายสำคัญสำหรับตนเอง ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท คนที่ทำธุรกิจร่วมกัน ผู้ใหญ่หรือผู้บริหารของหน่วยงานก็ตาม การดื่มเหล้านั้นเป็นวิธีที่ดีในการแสดงน้ำใจและกระชับความสัมพันธ์ ดังนั้น เราทุกคนควรเพิ่มความรู้ในการดูแลสุขภาพของตนหลังจากการดื่ม เกี่ยวกับเรื่องนี้แพทย์รักษาโรคระบบทางเดินอาหารได้เขียนบทความเรื่อง "การกระทำที่ควรหลีกเลี่ยงในกรณีดื่มเหล้า" คุณพัลลภกับผมอ่านมาแล้วเอาข้อเสนอหรือข้อห้ามของคุณหมอไปถามเพื่อนฝูงที่กินเหล้าเป็นประจำ ถึงพบว่า ข้อแนะนำของคุณหมอหลายอย่างไม่ได้รับความสนใจเพียงพอจากนักดื่มส่วนใหญ่ จึงถือโอกาสนี้นำเสนอให้ท่านผู้ฟังทั้งหลาย โอกาสหน้าที่ต้องดื่มเหล้า จะได้ใช้เพื่อดูแลสุขภาพของตนครับ
TON:หนึ่ง. ไม่ควรดื่มน้ำอัดลม ชาและกาแฟหลังดื่มเหล้า ในกรณีกินข้าวโต๊ะกลม มักจะเห็นมีแก้วสองใบวางหน้าแขก ใบหนึ่งใส่เหล้าอีกใบหนึ่งใส่เครื่องดื่มชนิดอื่น คนไม่น้อยชอบดื่มเหล้าพร้อมกับน้ำอัดลม พวกเขาไม่ทราบว่าน้ำอัดลมจะกระตุ้นร่างกายให้ซึมซับแอลกอฮอล์เร็วขึ้น ตับจึงจะย่อยสลายแอลกอฮอล์ไม่ทัน ทำให้ร่างกายรับพิษจากแอลกอฮอล์มากกว่า เหล้ากับน้ำอัดลมรวมกันยังจะทำร้ายหลอดเลือดหัวใจและระบบประสาทศูนย์กลางด้วย น้ำชากับกาแฟมีบทบาทกระตุ้นหัวใจและสมอง ทำให้เลือดหมุนเวียนเร็วขึ้น หัวใจอยู่ในภาวะทำงานหนัก ความเป็นด่างในชาร่วมกับแอลกอฮอล์จะยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็กของลำไส้เล็กและทำลายไตด้วย ส่วนกาแฟอินมีส่วนช่วยขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำเร็วขึ้น ขณะที่กินเหล้าแล้วร่างกายต้องการน้ำมากกว่าเดิม ฉะนั้น เวลาเพิ่งดื่มเหล้า เหมาะที่จะดื่มน้ำเปล่า แทนน้ำอัดลม ชาหรือกาแฟครับ
LF:สอง. ดื่มเหล้าแล้วไม่ควรกินยา ยาทุกชนิดมีส่วนในการที่รักษาโรค แล้วก็มีสารพิษด้วย ถ้ากินยาหลังจากที่ได้ดื่มเหล้า แอลกอฮอล์ก็จะทำให้ผลแทรกซ้อนของยาแรงขึ้น และขยายบทบาทความเป็นพิษของยาด้วย ยกตัวอย่าง กินยาระงับท้องเสียในกรณีที่แอลกอฮอล์ในท้องยังไม่ย่อยสลายหมด ก็จะเกิดอาการจังหวะหัวใจเต้นผิดปกติและความดันโลหิตสูงขึ้น กินยานอนหลับ ยารักษาโรคภูมิแพ้หรือยาลดความดันโลหิตหลังจากที่ได้ดื่มเหล้า ผลการยับยั้งสมองของยาจะขยายขึ้น บทบาทการรักษาโรคของยาเหล่านี้ก็จะแรงขึ้น มีความเป็นไปได้ที่จะเกินความอดทนของร่างกายจนเป็นอันตรายต่อผู้กินยา คุณหมอเน้นพิเศษว่า คนชราหรือคนที่สุขภาพอ่อนแอที่มีโรคเรื้อรังของหัวใจ ตับและไตนั้น ควรหลีกเลี่ยงการกินยาหลังดื่มเหล้าอย่างยิ่งครับ
TON:สาม. อาบน้ำหลังดื่มเหล้าควรหลีกเลี่ยงน้ำร้อนหรือน้ำเย็น จริงๆแล้ว หลังจากที่ได้ดื่มเหล้า หัวใจจะเต้นเร็วกว่าปกติเพราะการกระตุ้นของแอลกอฮอล์ ทำให้เกิดความร้อนในร่างกายมาก ถ้าอาบน้ำด้วยน้ำร้อน ก็จะทำให้ร่างกายระบายความร้อนยาก อาการเมาเหล้าหนักลง อาจจะก่อให้อาเจียนหรือเป็นสลบอย่างกระทันหัน ในฤดูร้อน ผู้ที่ดื่มเหล้าแล้วรู้สึกอากาศยิ่งร้อนกว่า จึงชอบใช้น้ำเย็นอาบน้ำ การกระทำอย่างนี้ผิดเช่นกัน เพราะดื่มเหล้าแล้วรูขุมขนจะเปิดกว้างกว่าปกติ การใช้น้ำเย็นอาบน้ำทำให้ความเสี่ยงที่เป็นหวัดสูงขึ้น และให้ร่างกายสูญเสียโปแตสเซียมและโซเดียมมากกว่าปกติครับ
LF: สี่. คนดื่มเหล้าแล้วหน้าแดงจะไม่เมาเหล้าง่ายๆ เป็นความเข้าใจผิด ผู้ดื่มเหล้าไม่น้อยเห็นว่า ดื่มเหล้าแล้วหน้าแดง แสดงให้เห็นว่า สภาพเลือดหมุนเวียนของผู้ดื่มคนนี้ดี แอลกอฮอล์ในร่างกายถูกย่อยสลายเร็วกว่าคนดื่มแล้วหน้าไม่แดง จึงจะไม่เมาเหล้าได้ง่ายๆ อันที่จริง เมาเหล้าง่ายหรือยากนั้น ไม่ได้เกี่ยวพันกับสีหน้าของผู้ดื่มโดยตรง สาเหตุที่คนหน้าแดงไม่เมาง่ายๆ คือ เมื่อเห็นใครมีใบหน้าแดงขึ้นมา เพื่อนที่กินเหล้าด้วยกันอาจจะใจอ่อน และไม่ได้ชวนดื่มต่อ ทำให้คนหน้าแดงดื่มเหล้าน้อยกว่าคนหน้าไม่แดง ประกอบกับในช่วงหน้าแดงนั้นผู้ดื่มมักจะรู้สึกง่วง ก็เลยฟุบนอนที่โต๊ะสัก 15 – 30 นาที สมองก็จะฟื้นฟูความแจ่มใสได้อีกแล้วครับ
TON:และห้า. ไม่ควรดูโทรทัศน์หลังจากเพิ่งดื่มเหล้า เมื่อกี้เราบอกมาแล้วว่า แอลกอฮอล์กระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนเร็วขึ้น เส้นโลหิตฝอยในดวงตาก็จะต้องเผชิญกับกระแสโลหิตที่แรงขึ้น นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังจะทำให้จักษุประสาทหดเหี่ยว อาการเมาเหล้าอย่างหนักสามารถทำให้ตาบอดอย่างกระทันหันได้ด้วย หลังดื่มเหล้าแล้วถ้ารีบดูทีวี สายตาจะเสื่อมโทรมลง จักษุประสาทก็จะได้รับความเสียหาย ดังนั้น เมื่อรู้สึกว่าดื่มเหล้ามากเกินไปแล้ว ก็ควรพักผอนสักครู่ รอให้ฟื้นจากสภาพเมาเหล้าแล้วค่อยดูทีวีหรือใช้คอมพิวเตอร์ครับ
LF:ท่านผู้ฟังครับ รายการวันนี้ ใกล้หมดเวลาลงแล้ว หวังว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการดื่มเหล้าที่เราเสนอ จะมีส่วนช่วยให้ท่านทั้งหลายเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างเหล้ากับสุขภาพ และรู้จัก่ควบคุมปริมาณเหล้าที่ดื่มลงไปครับ รายการวันนี้ขอจบลงเพียงเท่านี้ ผม หลู่ เฟิงและ
TON:ผมพัลลภ สามสี ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
LF:สวัสดีครับ