รายงานดังกล่าวได้ชี้แจงความเสี่ยงสำคัญใน 5 ด้านของโลกในอีก 10 ปีข้างหน้า ได้แก่ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม การเมืองภูมิภาค สังคมและเทคโนโลยี ตลอดจนความเสี่ยงอื่นๆ และเห็นว่า ความเสี่ยงเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของโลกโดยตรง ทำให้ลัทธิชนชาติ ลัทธิประชานิยม(Populism)และลัทธิกีดกันทางการค้ามีแนวโน้มทวีรุนแรงยิ่งขึ้น รายงานมีการอธิบายอย่างเป็นรูปธรรมต่อความเสี่ยงบางอย่าง เช่น เริ่มเกิดกระแสต้านยูโทเปีย (Utopia) จากคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีอุดมคติจำนวนมากขึ้น ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยขยายกว้างขึ้น ทำให้เกิดความไม่พอใจไปทั่วโลก นโยบายและกฎบางอย่างจากศัตวรรษที่ 20 ล้าสมัยไปแล้ว เป็นต้น
รายงานยังชี้ให้เห็นด้านลบของระบบอินเตอร์เน็ต ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าร่วมการเขียนรายงานกล่าวว่า "ขณะที่เราได้รับผลประโยชน์จากอินเตอร์เน็ต แต่รัฐบาล สังคมและนักธุรกิจล้วนเล็งเห็นถึงความเสี่ยงของอินเตอร์เน็ตอย่างเต็มที่"
นายแดเนียล ชวาบ (Daniel Schwaab) ประธานฟอรั่มเศรษฐกิจโลกกล่าวว่า "เราควรแสวงหารูปแบบใหม่ เพื่อรับมือกับการท้าทายที่ทั่วโลกเผชิญหน้าอยู่" เขากล่าวว่า รายงานฉบับนี้ได้เน้นความสำคัญของการร่วมมือและปฏิบัติการร่วมกันระหว่างประชาคมโลก เพราะว่าความเสี่ยงของโลกไร้พรมแดน
แต่ละปี การประชุมฟอรั่มเศรษฐกิจโลกจะประกาศรายงานความเสี่ยงโลกประจำปีก่อนเปิดการประชุมฟอรั่มดาวอส เพื่อเป็นการคาดการณ์ความเสี่ยงสำคัญที่สุดหรือความเสี่ยงที่แฝงอยู่ของโลก โดยรายงานของปีนี้มีลักษณะสำคัญ 2 ประการคือ ประการแรก เปลี่ยนจากการให้ความสนใจต่อความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมมาเป็นให้ความสนใจต่อความเสี่ยงด้านสังคมและเศรษฐกิจ ประการที่สอง ให้ความสนใจต่อความสัมพันธ์และผลกระทบต่อกันระหว่างความเสี่ยงในด้านต่างๆ
(Ton/Lin)