หัวหน้าบรรณาธิการสำนักข่าวกะฉิ่นระบุว่า สงครามที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในรัฐกะฉิ่นไม่เพียงแต่ทำให้ด่านชายแดนจีน-เมียนมาร์ไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ตามปกติเท่านั้น หากยังทำให้เกิดผู้ลี้ภัยจำนวนมากทะลักเข้าสู่พื้นที่ชายแดนด้วย ซึ่งเป็นการเสี่ยงต่อสถานการณ์ความมั่นคงตามชายแดนเมียนมาร์-จีน
นับแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้วเป็นต้นมา รัฐบาลชุดใหม่ของเมียนมาร์มุ่งฟื้นการเจรจากับชนกลุ่มน้อยในรัฐต่างๆ มาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา รัฐบาลเมียนมาร์ระบุว่า การฟื้นฟูสันติภาพเป็นเรื่องที่เร่งด่วนที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งคณะทำงานเพื่อสันติภาพของรัฐบาลเมียนมาร์ระบุว่า จะเดินหน้าเจรจากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยต่างๆ เพื่อบรรลุข้อตกลงอย่างเต็มกำลังความสามารถ เมื่อเดือนธันวาคมปี 2011 พล.อ. อู เต็งเส่ง ประธานาธิบดีเมียนมาร์ออกคำสั่งหยุดยิง โดย ระบุว่า ให้หยุดการบุกรุกกองกำลังชนกลุ่มน้อยในรัฐกะฉิ่น หากถูกกองกำลังชนกลุ่มน้อยในรัฐกะฉิ่นโจมตี ก็จะใช้เพียงปฏิบัติการป้องกันตนเอง แต่กองกำลังชนกลุ่มน้อยในรัฐกะฉิ่นระบุว่า กองทัพรัฐบาลเมียนมาร์ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ยังคงก่อการโจมตีอยู่เช่นเดิม
กำลังชนกลุ่มน้อยในรัฐกะฉิ่นเป็นกองกำลังสำคัญที่ยังไม่ได้ลงนามข้อตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลเมียนมาร์ เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว เนื่องจากถึงวาระที่จะให้กองทัพรัฐบาลต้องเข้าไปปรับกองกำลังทหารใหม่ของชนกลุ่มน้อยในรัฐกะฉิ่น ทำให้ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างสองฝ่าย วาระ 17 ปี ต้องเป็นโมฆะ ขณะที่สองฝ่ายไม่ได้บรรลุความเห็นเป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับแนวทางในการปรับกองกำลังทหารใหม่ ซึ่งทำให้เกิดการปะทะด้วยกำลังอาวุธบ่อยขึ้น
นับแต่ปลายปีที่แล้วเป็นต้นมา รัฐบาลเมียนมาร์ได้ลงนามข้อตกลงหยุดยิงกับกองกำลังชนกลุ่มน้อยในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยง และ พรรครัฐมอญใหม่ (เอ็นเอ็มเอสพี) ตามลำดับ โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว และเดือนมกราคมปีนี้ รัฐบาลเมียนมาร์กับชนกลุ่มน้อยในรัฐกะฉิ่นเคยจัดการเจรจามาแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงได้ สื่อเมียนมาร์รายงานว่า สองฝ่ายจะจัดการเจรจากันอีกครั้งในกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้
อย่างไรก็ตาม กองทัพรัฐบาลเมียนมาร์กับกองกำลังชนกลุ่มน้อยในรัฐต่างๆ ยังคงขาดความเชื่อถือซึ่งกันและกัน ส่วนข้อตกลงหยุดยิงที่ลงนามไปแล้วก็เป็นเพียงข้อตกลงเชิงหลักการเท่านั้น อีกทั้งไม่ได้ลงในรายละเอียดด้วย ที่สำคัญกว่านั้นคือ ไม่ได้แตะเรื่องการจัดการเจรจาทางการเมือง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ
(TON/LING)