สวมแว่นส่อง "สองสภาจีน" กับ ศ. ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์
  2012-03-06 21:53:10  cri

ศาสตราจารย์ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์

คณบดีวิทยาลัยบริหารรัฐกิจและรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

ในระหว่างช่วงการประชุม"สองสภา" คือ การประชุมสภาปรึกษาการเมืองแห่งชาติจีนชุดที่ 11 ครั้งที่ 5 และการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 11 ครั้งที่ 5 ประจำปี 2012 ที่เริ่มเปิดฉากไปเมื่อวันที่ 3 และ 5 มีนาคมที่ผ่านมา

สำหรับวันนี้เราได้รับเกียรติจากท่าน ศาสตราจารย์ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ คณบดีวิทยาลัยบริหารรัฐกิจและรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งท่านเป็นนักวิชาการที่เป็นที่ยอมรับและมีงานเขียนลงนิตยสารหลายเล่ม โดยผลงานทางวรรณกรรมเล่มล่าสุดของอาจารย์ มีชื่อว่า "บูรพาภิวัฒน์:ภูมิ-รัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลกใหม่" ก็ได้บอกเล่าและอธิบายถึงความเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจของโลก จากซีกโลกตะวันตกสู่โลกตะวันออก ที่มีประเทศจีนเป็นหนึ่งในหัวหอกหลัก ซึ่งท่านจะมาร่วมสวมแว่นส่องการพัฒนาจีน ผ่านมุมมองการประชุม "สองสภา" ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้

ซีอาร์ไอ:การที่อาจารย์ได้ก่อตั้งพรรคการเมือง เป็นหัวหน้าพรรคมหาชนมาก่อน ซึ่งท่านนายกฯ เวินเจียเป่า ในการกล่าว "รายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล" ได้มีการพูดถึงว่าจะมีการดำเนินงานขั้นเด็ดขาดเกี่ยวกับเรื่องของการคอรัปชั่น อาจารย์มีข้อชี้แนะหรือว่าข้อเสนออย่างไรเกี่ยวกับการส่งเสริมการเมืองที่มีความซื่อสัตย์สุจริต

ดร.เอนก:เอาใจช่วยนะครับ เห็นด้วย ผมไปเมืองจีนมายี่สิบกว่าครั้งในรอบยี่สิบกว่าปี สามสิบปีมานี้ ก็ได้ยินคนจีนบ่นกันเรื่องการคอรัปชั่น ก็เป็นธรรมดา ถ้ามองจากคนนอกเข้าไปก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อเศรษฐกิจเจริญก้าวหน้าขึ้น รัฐบาลก็มีบทบาทมากขึ้น มีบทบาทต่อเศรษฐกิจ ธุรกิจ การคอรัปชั่นอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ก็มองแบบเอาใจช่วยว่าจีนจะแก้ปัญหาเรื่องคอรัปชั่นได้ดีมากขึ้นเป็นลำดับๆ แล้วก็ผมคิดว่าจากประสบการณ์ทั่วโลกนะครับ เมื่อประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น เรื่องคอรัปชั่นอะไรต่าง ๆ ก็มักจะตามมาในเวลาไม่นานนัก ถ้ารัฐบาลเพิกเฉยประชาชนก็จะไม่ห่วงใย แล้วก็นานาชาติที่เข้าไปทำธุรกิจหรือว่าไปทำกิจการต่างๆ ในประเทศจีน ก็อาจจะรู้สึกไม่สบายใจ ทีนี้ถ้าทางรัฐบาลจีนมีการตระหนักในเรื่องนี้ ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องดีครับ

ซีอาร์ไอ:จากการที่อาจารย์ได้ติดตามการเปลี่ยนแปลงและสภาพการณ์ความเป็นไปของประเทศจีนมาโดยตลอด อาจารย์มีความคิดเห็นอย่างไรต่อการ "รายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล" ที่ท่านนายกรัฐมนตรีจีน นายเวินเจียเป่า ได้กล่าวในพิธีเปิดการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา

ดร.เอนก:ผมคิดว่าเป็นรายงานผลการดำเนินงานที่ดีละเอียด มีมุมมองต่างๆ แล้วก็ไม่ได้รายงานเฉพาะเรื่องที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังมีจิตใจที่จะค้นหาจุดอ่อนข้อบกพร่อง แล้วก็พยายามที่จะแก้ไข รวมทั้งมีจุดย้ำจุดเน้น แล้วบางที่ก็ให้ตัวเลขด้วย ที่จำได้อันหนึ่งก็คือจะลดการเติบโตของเศรษฐกิจลงให้เหลือ 7.5% ซึ่งผมคิดว่าคงจะโตกว่า 7.5% แต่การที่บอกว่า 7.5% ก็เป็นการส่งสัญญาณอะไรที่แจ่มชัดนะครับ ถ้าดูจากเมื่อปีกลายที่บอกว่าจะให้มีเศรษฐกิจมีการเติบโตลดลง ทีนี้ไม่ใช่ว่าดีใจที่ลดลง ที่ลดลงก็เพราะว่า เพื่อจะเอาไปทำอะไรในหลายๆเรื่อง ที่ทำให้การเจริญเติบโตต้องช้าลงไปบ้าง หรือเพื่อความจำเป็นในเรื่องอื่นๆที่สำคัญกว่าก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ครับ ผมคิดว่าเป็นรายงานที่ดีนะครับ รัฐบาลที่ดีก็ควรจะทำอย่างนี้อยู่แล้ว ทีนี้เปรียบเทียบกับในระบบของรัฐสภาประเทศอื่นๆ จำนวนมาก ของจีนก็มีความเป็นเรื่องเป็นราว เป็นความเอาจริงเอาจัง แล้วก็ทำกันอย่างหลายระดับกว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้ ต้องประชุมกรรมการ ต้องประชุมผู้ชำนาญการ ต้องมีตั้งสองสภา ซึ่งก็ต้องใช้เวลาเตรียมการนานทีเดียว ก็ดีใจด้วยเพราะประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่ ถ้าประเทศจีนมีความสงบ มีความเจริญก้าวหน้า ประเทศอื่นๆ ก็ดีใจด้วยเพราะว่าประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่ คนจีนก็เป็นสัดส่วนที่มากของประชากรโลก ถ้าคนจำนวนอยู่กันอย่างมีความสุข มีความต่อเนื่อง มีความก้าวหน้า แล้วก็มีรัฐบาลที่มีความเอาใจใส่ในกิจการผมก็คิดว่าต้องใช้คำว่าดีใจด้วยนะครับ

ซีอาร์ไอ:บรรดาสื่อมวลชนต่างประเทศได้ให้ความสนใจต่อการเปิดประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนอย่างมาก โดยเห็นว่า ระบอบสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนนี้ นอกจากจะมีความสอดคล้องกับระบอบการเมืองของจีนในปัจจุบันแล้ว ยังเป็นระบอบการเมืองที่มีความร่วมสมัยและเปี่ยมไปด้วยศักยภาพ ซึ่งในมุมมองส่วนตัวของอาจารย์เองแล้ว การประชุมสองสภาฯ นี้ มีความสำคัญต่อจีน ต่อประเทศไทย และต่อระดับโลกอย่างไรคะ

ดร.เอนก:ความสำคัญต่อจีนนี่คงไม่ต้องพูดแล้วนะครับคนอื่นคงพูดไปเยอะแล้ว พูดในความสำคัญต่อประเทศไทย ต่อประเทศในโลกตะวันออก ต่อประเทศอื่นๆที่ไม่ใช่ประเทศตะวันตก ผมว่าชวนให้คิดว่าระบบการเมืองไม่จำเป็นต้องเป็นแบบตะวันตกเสมอไปแบบจีนก็คือแบบจีน จีนหรือประเทศไทยหรือประเทศอื่นๆ ในโลกตะวันออกก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปเลียนแบบประเทศตะวันตก หรือไม่จำเป็นต้องเลียนแบบมากนัก นำมาประยุกต์ให้เข้ากับแต่ละสังคม ที่จะดูว่ามันดีหรือไม่ดีก็ต้องดูว่าเอามาใช้ได้นานพอสมควร ใช้งานได้ ทำให้บ้านเมืองคืบหน้าไปได้ แก้ปัญหาของบ้านเมืองได้ และที่สำคัญคือระดมความคิดเห็น มีความถ่อมตัวที่จะแก้ไขปัญหาไปเรื่อยๆ แล้วก็ใช้ความรู้ใช้หลักวิชา วิสัยทัศน์ต่างๆ มาประกอบด้วยนะครับ ผมคิดว่าในแง่นี้ทำให้เราเห็นทาง มากทางมากขึ้นนะครับ วิธีที่จะไปสู่ความเจริญเติบโต ความเจริญถาวร มีได้หลายๆวิธี จีนนี่ทำกันมา 60 กว่าปีแล้วก็ไปได้ดีซะด้วย ในแง่นี้ผมคิดว่าได้ส่งข้อความอะไรมาให้แก่โลกเยอะพอสมควร แทนที่จะบอกว่าให้จีนเรียนรู้จากตะวันตกอยู่เสมอ ให้เรียนรู้ระบบรัฐสภาแบบตะวันตกเสมอ ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วเหมือนกันที่ประเทศต่างๆ ที่ไม่ใช่ตะวันตกต้องเรียนรู้จากจีน ประเทศตะวันตกก็ต้องเรียนรู้จากจีนพอสมควร ทีนี้ต่อโลกสำคัญอย่างไร นอกจากในทางการเมืองอย่างที่ผมกล่าวพาดพิงมาถึงนิดนึงนี้ ก็อยากจะบอกว่ามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกมาก ในรายงานการประชุมสภาฯของจีนทุกปี นับวันก็จะมีความสำคัญต่อโลกมากขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อน้ำหนักทางเศรษฐกิจของจีนต่อโลกมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นก็จะไม่ใช่มีแต่คนในประเทศจีนเท่านั้นที่จะสนใจ ทีนี้มีอะไรบ้างที่ส่งข้อความออกมาให้คนทั่วโลกได้รับรู้ ผมคิดว่ามีหลายๆ อย่างเช่น จีนจะพัฒนาประเทศต่อไปโดยที่ให้ความสำคัญของการส่งออกกับการนำเข้าเท่าๆกัน ผมคิดว่าน่าสนใจ หรือว่าให้ความสำคัญกับการส่งออกกับการบริโภคและการลงทุนในประเทศให้เท่าๆ กันอันนี้ก็น่าสนใจ หรือว่าจะลดการลงทุนของภาครัฐลงแล้วก็เปิดให้การบริโภคหรือว่าการลงทุนของภาคเอกชนให้มีบทบาทมากขึ้นอันนี้ก็น่าสนใจ นอกจากนั้นการที่จะทุ่มเทไปทางนวัตกรรม ทางอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ 7 อย่างนี้นะครับ ผมคิดว่าการพัฒนาของจีนไม่ใช่การลอกเลียนแบบอย่างง่ายๆ อย่างที่เมื่อสักสิบยี่สิบปีก่อนคนจำนวนหนึ่งอาจจะคิดว่า จีนคงจะทำได้เพียงการทำเรื่องง่ายๆ แรงงานราคาถูกๆ หรือว่าก๊อปปี้ของจากต่างประเทศง่ายๆ ไม่ใช่นะครับจีนเวลานี้ก็พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ไปมาก จนเป็นผู้นำในหลายๆ เทคโนโลยีแล้ว ก็น่าคิดตรงทีว่าประเทศตะวันออกก็เจริญก้าวหน้าได้ไม่จำเป็นต้องไปลอกเลียนจากตะวันตกเสมอไป ในฐานะที่คนไทยก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกตะวันออก คิดว่าน่าจะเป็นกำลังใจให้มองตนเองในแง่บวกมากขึ้น

ซีอาร์ไอ:จากการสำรวจประเด็นความสนใจของชาวจีนต่อหัวข้อการประชุมสองสภาฯ ประเด็นที่ได้รับความสนใจในอันดับต้นๆ จะเป็นเรื่องที่ใกล้ชิดกับความเป็นอยู่ของคนจีน อาทิ เรื่องการกระจายรายได้ การควบคุมราคาสินค้า สำหรับอาจารย์ให้ความสนใจเรื่องใดเป็นพิเศษ

ดร.เอนก:ผมก็สนใจทุกเรื่องนะครับ และในฐานะที่ผมเคยทำงานการเมืองมา ผมก็เข้าใจได้เป็นอย่างดีว่า ประชาชนจีนจะต้องสนใจในเรื่องที่กล่าวมา เพราะว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผู้คนความเป็นอยู่ รัฐบาลจีนต้องมีนโยบายหลายมิติหลายระดับ ที่ผมกล่าวไปเมื่อสักครู่ก็เป็นมิติที่เกี่ยวข้องกับคนไทย คนตะวันออก คนตะวันตกนะครับ ผมคิดว่าต้องเอาจริงเอาจังทำให้เห็น ตอนนี้เรื่องการเจริญเติบโตในประเทศจีนถือเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว ในเรื่องการกระจายรายได้ เรื่องการให้โอกาสกับคนยากคนจน ที่ห่างไกล ที่ยังล้าหลังอยู่จะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากขึ้น ผมคิดว่ารัฐบาลจีนในรอบสิบถึงสิบห้าปีข้างหน้า คงต้องสนใจเรื่องในประเทศด้วย เพราะผมก็อยากเห็นความเติบโตของจีนมีความมั่นคง มีเสถียรภาพ แล้วก็ได้รับความสนับสนุนจากประชาชนจีนอย่างกว้างขวางที่สุด ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลคิดจะทำ อย่างที่ประชาชนชอบต้องการนั้น ถ้าทำไปก็จะทำให้การพัฒนาของจีนยิ่งมีความมั่นคงมากขึ้น เป็นผลดีต่อสังคมต่อการเมือง และก็จะมีผลดีต่อเศรษฐกิจด้วย ยิ่งจะทำให้เศรษฐกิจของจีนไปได้ดีมั่นคง ซึ่งการที่เศรษฐกิจจีนดี ดีต่อพวกเราที่อยู่ในประเทศไทยอย่างไร ก็เกี่ยวกันเพราะเราก็ไม่อยากเห็นเศรษฐกิจโลกปั่นป่วน จีนจะเข้มแข็งนอกจากนโยบายเศรษฐกิจจะต้องชาญฉลาดแล้ว ต้องสร้างความสนับสนุนจากประชาชนให้กว้างที่สุด ซึ่งผมก็คิดว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนหรือรัฐบาลจีนคงจะตระหนักตรงนี้มาก

ซีอาร์ไอ:การที่จีนยึดมั่นแนวทางการพัฒนาอย่างสันติ เน้นการกระชับความสัมพันธ์ไม่เป็นปฏิปักษ์กับฝ่ายใด ทำให้จีนสามารถเข้ามามีอิทธิพลต่อประเทศต่างๆ ได้ในช่วงระยะเวลาเพียงสิบปี อาจารย์เห็นว่า นโยบายทางการเมืองของจีนที่ผ่านมา มีบทบาทสำคัญอย่างไรต่อการนำไปสู่การเปลี่ยนขั้วอำนาจจากซีกโลกตะวันตก มาสู่โลกตะวันออกค่ะ

ดร.เอนก:ผมเฝ้าดูความเคลื่อนไหวทางการทูตทางการต่างประเทศของจีนมาตลอด โดยทั่วไปก็ไปได้ถูกทาง ยิ่งนับวันเศรษฐกิจก็เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ก็มีเครื่องมือ ในการดำเนินนโยบายต่างประเทศมากขึ้น ก็ยังอยากให้กำลังใจและอยากเสนอว่าให้อดทนให้ใจเย็น ข้อพิพาทอะไรต่างๆ ก็พยายามให้เวลากับการคลี่คลายให้มากที่สุด ในฐานะที่จีนยิ่งใหญ่เข้มแข็ง ใครๆก็เกรงใจ เกรงกลัว และบางทีก็สงสัย อันนี้ก็ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา เอาใจเราไปใส่ใจเขา ทีนี้จีนยิ่งเข้มแข็งขึ้นก็ยิ่งมีคนที่ใช้มาตราฐานที่เข้มขึ้นมาวัดจีน ทางการทูตการต่างประเทศก็ต้องยกระดับให้ทันกับทางเศรษฐกิจ ต้องทำนโยบายให้คนไม่กลัวจำนวน ไม่กลัวปริมาณ ไม่กลัวคุณภาพของจีน ซึ่งคนจีนทุกคนก็มีความใฝ่ฝัน มีกำลังสติปัญญา ซึ่งก็เป็นเรื่องไม่ง่าย แต่คนจีนก็จะค่อยๆ ปรับตัวตามลำดับ ก็เหมือนที่คนจีนโบราณสอนมีกำลังอย่างเดียวไม่พอต้องมีคุณธรรม มีความเป็นสุภาพบุรุษด้วย คำสอนของขงจื๊อถ้ามาใช้ในยุคนี้ก็ยังใช้ได้อยู่

ซีอาร์ไอ:การที่จีนยึดนโยบายทางการทูตอย่างสันติ แล้วก็ตั้งมั่นที่จะหันมาส่งเสริมวัฒนธรรมให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น สนับสนุนโครงการวัฒนธรรมที่เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนมากขึ้น อาจารย์มีทัศนะอย่างไรต่อการที่รัฐบาลจีนจะหันมามุ่งให้ความสำคัญกับนโยบายการแลกเปลี่ยนทางการศึกษา การเผยแพร่วัฒนธรรมจีนมากขึ้น

ดร.เอนก:เห็นด้วยอย่างมากครับ ผมคิดว่าถึงระดับหนึ่ง จีนอาจจะทำคล้ายๆ อาสาสมัครที่ออกไปช่วยประเทศต่างๆ เอาเยาวชนออกไปช่วย ให้คำแนะนำต่อการพัฒนาในบางประเทศที่ต้องการ ส่งของ ส่งช่าง ส่งนักวิทยาศาสตร์ ส่งผู้ชำนาญการเรื่องเกษตรกรรม อะไรต่างๆ ไปช่วย ที่จีนทำมาผมก็คิดว่าค่อนข้างดีหรือดีมากในหลายๆ ที่ อย่างในแอฟริกา ในเอเชีย ในลาตินอเมริกา และที่สำคัญที่จีนชนะใจประเทศต่างๆ คือ จีนไม่ได้ยัดเยียดว่าเมื่อได้รับความช่วยเหลือแล้วต้องเป็นแบบนั้นเป็นแบบนี้ ประเทศไหนที่อยากปกครองแบบไหน มีระบอบอะไร เราก็เคารพส่งเสริม ในบางประเทศที่มีหลายกลุ่มหลายฝ่ายก็ต้องดูแล จะดูแลฝ่ายเดียวก็ไม่ค่อยดี ในเรื่องวัฒนธรรมก็ดีอยู่แล้วเผยแพร่แล้วพร้อมกันนั้นก็เรียนรู้ถ่อมตัวรับของคนอื่นมาด้วย ก็จะเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้ามวัฒนธรรม ควรจะเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

ซีอาร์ไอ:การประชุม "สองสภาฯ" ถูกกำหนดให้มีขึ้นปีละครั้งเป็นประจำทุกปี อาจารย์มีข้อเสนอแนะหรือความคาดหวังต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกสภาฯ อย่างไร

ดร.เอนก:อย่างที่เรียนในตอนต้นว่าดูเคร่งเครียดเอาจริงเอาจัง กว่าที่จะมาถึงตรงนี้ ที่สำคัญที่สุดถ้าสภาฯได้นำจุดอ่อนข้อบกพร่องของรัฐบาลมาเสนอแนะ มาเล่าให้รัฐบาล มากระตุ้นรัฐบาลให้สร้างนโยบาย โครงการ ที่จะแก้ไขจุดอ่อนข้อบกพร่องได้เท่าไหร่ยิ่งดี ความถ่อมตัวทำให้คนก้าวหน้า ประธานเหมาก็ได้สอนไว้ การที่มีการเฝ้าระวังดู การอ่อนน้อมถ่อมตัวให้มากเป็นพิเศษ มุ่งแก้ไขจุดอ่อนข้อบกพร่องของตนอย่างจริงๆจังๆ ไม่เพียงแต่เป็นเสถียรภาพของรัฐบาลเท่านั้น ก็จะเป็นความเจริญมั่นคงของประเทศจีน และส่งผลมาถึงการพัฒนาของโลกด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นท่านที่ทำหน้าที่อยู่ในรัฐสภาของจีนก็ทำหน้าที่ให้กับประเทศอื่นๆ ด้วยในทางอ้อมเหมือนกัน เพราะประเทศจีนนับวันจะมีความสำคัญมากขึ้นๆ ทุกที

(YIM//LEI/LING)

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040