"ตั้งแต่ปี 1978 ประเทศจีนดำเนินโครงการเสริมภูมิป้องกันโรคแห่งชาติ เพื่อป้องกันโรคติดต่อด้วยวัคซีน อาทิ โรคหัด โรคโปลิโอ โรคไอกรน โรคคอตีบ วัณโรค และบาดทะยัก ได้ช่วยลดผู้ป่วยโรค 6 ชนิดดังกล่าวให้น้อยลงอย่างน้อย 300 ล้านคน และช่วยลดผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ล้านคน"
ต่อมาในปี 2002 มีการจัดวัคซีนป้องกันตับอักเสบชนิดบีเข้าไว้ในโครงการเสริมภูมิป้องกันโรคแห่งชาติ ในปี 2008 มีการจัดวัคซีนป้องกันตับอักเสบชนิดเอ วัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น วัคซีนป้องกันโรคเนื้อเทาสมองอักเสบชนิดบีที่แพร่ระบาด และวัคซีนอื่นๆ เข้าไว้ในโครงการเสริมภูมิป้องกันโรคแห่งชาติ และด้วยการรับวัคซีนเหล่านี้ สามารถป้องกันโรคติดต่อได้ 15 ชนิด เวลานี้ในแต่ละปีมีการฉีดวัคซีนราว 1,000 ล้านโดส นายหยัง เหวย์จงระบุว่า จำนวนผู้ป่วยโรคหัดตามที่รับแจ้งในปี 1959 มีราว 10 ล้านคน เสียชีวิตราว 3 แสนคน หลังจากดำเนินโครงการเสริมภูมิป้องกันโรคแห่งชาติเมื่อปี 1978 จำนวนผู้ป่วยได้ลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนผู้ป่วยโรคหัดทั่วประเทศในปี 2011 มีไม่ถึง 10,000 คน และเสียชีวิตเพียง 10 คน
ความพยายามของรัฐบาลจีนได้รับการชื่นชมจากประชาคมโลก นายเซี่ย โรว่โป๋ ผู้อำนวยการฝ่ายสุขภาพกับโภชนาการและน้ำกับความสะอาดของสิ่งแวดล้อม กองทุนสหประชาชาติเพื่อเด็ก ระบุว่า จีนประสบความสำเร็จใหญ่หลวงในโครงการเสริมภูมิป้องกันโรค ช่วยให้เด็กนับหมื่นคนห่างไกลจากภัยคุกคามของโรค ทว่ายังคงต้องการให้ครอบครัวและสังคมใช้ความพยายามร่วมกันต่อไปเพื่อให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนอย่างถ้วนหน้า เขากล่าวว่า
"เด็กบางคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กในพื้นที่ห่างไกลความเจริญและเด็กเร่ร่อนในเมือง ไม่ได้เข้าร่วมโครงการเสริมภูมิป้องกันโรค ทำให้พวกเขาติดเชื้อได้ง่ายและเป็นพาหะแพร่เชื้อแก่ผู้อื่น ถ้าจะไปถึงเป้าหมายการกำจัดโรคหัดในจีนให้หมดสิ้นไป ครอบครัวและสังคมต้องมีความรับผิดชอบในการนำเด็กเข้าสู่โครงการเสริมภูมิป้องกันโรค"
(TON/LING)