นายสตาลิน(ซ้าย)ผู้นำสหภาพโซเวียตและประธานเหมา เจ๋อตงผู้นำจีน
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ อากาศในกรุงมอสโกเย็นยะเยือก การประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสโซเวียตครั้งที่ 20 จัดขึ้นในพระราชวังเครมลิน กรุงมอสโก
คณะผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จากประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งจีนได้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ นายนิกิตา ครุสชอฟ เลขาธิการคนที่ 1 คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์สหภาพโซเวียตกล่าวรายงานต่อที่ประชุม โดยกล่าวถึงนโยบายการต่างประเทศที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับประเทศอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสงครามโลกอีกครั้ง เขายังกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จะให้ประเทศทุนนิยมกลายเป็นประเทศสังคมนิยมด้วยสันติวิธี
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ การประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสแห่งสหภาพโซเวียตครั้งที่ 20 สิ้นสุดลง จากนั้น คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตจัดการประชุมลับสองครั้ง โดยไม่ให้ชาวต่างชาติเข้าร่วม นายนิกิตา ครุสชอฟกล่าวรายงานในที่ประชุมลับในหัวข้อ "รายงานเกี่ยวกับลัทธิบูชาตัวบุคคลและผลร้ายที่ตามมา" ต่อที่ประชุม ก่อนหน้านั้น นายนิกิตา ครุสชอฟไม่ได้ปรึกษาหารือกับพรรคคอมมิวนิสต์ของประเทศต่างๆ ว่าจะจัดการประชุมลับและกล่าวรายงานดังกล่าว รายงานฉบับนี้ใส่ร้ายนายสตาลิน ลบล้างคุณงามความดีที่เขาเคยทำไว้จนหมดสิ้น
นายสตาลิน(ซ้าย)และนายนิกิตา ครุสชอฟ (ขวา) ผู้นำสหภาพโซเวียต
บ่ายวันที่ 2 หลังการประชุมลับสิ้นสุดลง เจ้าหน้าที่สำนักงานประสานงานคณะกรรมการกลางพรรคโซเวียตเดินทางมาพบคณะผู้แทนจีนเพื่อพูดคุยเรื่องรายงานลับ โดยกล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียต จะแจ้งเอกสารสำคัญให้คณะผู้แทนจีนทราบ จากนั้น ก็เริ่มอ่านรายงานในที่ประชุมลับของนายนิกิตา ครุสชอฟให้ฟัง ล่ามของคณะผู้แทนจีนรีบแปลสดทันที พออ่านเสร็จ เจ้าหน้าที่ของโซเวียตก็นำรายงานลับกลับ ตอนนั้นนายเติ้ง เสี่ยวผิง และสมาชิกคณะผู้แทนอื่นๆ รู้สึกว่า เนื้อหาของรายงานลับไม่ชัดเจน มีความสับสนมาก จำได้แต่ว่า นายสตาลินทำลายระบบกฎหมาย สังหารผู้คน บัญชาการสงครามโดยอาศัยแต่ลูกโลกจำลอง ไม่เตรียมการทำสงครามแม้แต่น้อย ตอนนั้น คณะผู้แทนจีนไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ เพียงแต่บอกเจ้าหน้าที่โซเวียตว่า เรื่องนี้สำคัญมาก ต้องรีบรายงานให้คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนทราบ จากนั้น จึงรีบส่งโทรเลขให้ส่วนกลางโดยรายงานเนื้อหาของรายงานลับเท่าที่พอจะจำได้
หลังจากนั้นไม่นาน โซเวียตแจกสำเนารายงานลับของนายนิกิตา ครุสชอฟให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์ประเทศต่างๆ ทำให้ค่ายสังคมนิยมของโลกเกิดกระแสวุ่นวายทางด้านความคิด นายเติ้ง เสี่ยวผิงรู้สึกไม่พอใจพรรคคอมมิวสิสต์โซเวียตเป็นอย่างยิ่ง และกล่าวว่า นายสตาลินเป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับโลก การฏิบัติต่อผู้นำการปฏิวัติเช่นนี้ช่างไม่เหมาะสมจริงๆ
เวลานั้น นายนิกิตา ครุสชอฟ ต้องการได้รับการสนับสนุนจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน จึงออกปากเชิญคณะผู้แทนจีนไปเจรจาที่พระราชวังเครมลินในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ระหว่างการเจรจา นายนิกิตา ครุสชอฟเน้นถึงนัยสำคัญของการคัดค้านลัทธิบูชาตัวบุคคล และยังกล่าวว่า จากนี้ไป พรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อขจัดผลกระทบที่เกิดจากลัทธิบูชาตัวบุคคล เขายังชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างพรรค และรัฐบาลโซเวียตกับจีนที่มีความสามัคคี ร่วมมือกันด้วยดี
ต่อมาไม่กี่วัน สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯได้สำเนารายงานลับจากประเทศโปแลนด์ แล้วนำไปเปิดเผยต่อทั่วโลก ทั่วโลกต่างตะลึงต่อการนี้
นายนิกิตา ครุสชอฟ ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตกล่าวรายงานต่อที่
ประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์สหภาพโซเวียตครั้งที่ 20
วันที่ 1 มีนาคม เติ้ง เสี่ยวผิงนำสมาชิกคณะผู้แทนบางส่วนกลับประเทศก่อน เพื่อรายงานการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสแห่งสหภาพโซเวียตครั้งที่ 20 ต่อประธานเหมา เจ๋อตง และกรมการเมืองคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน หลังนายเติ้ง เสี่ยวผิงเดินทางกลับประเทศ ประธานเหมา เจ๋อตง เรียกประชุมขยายวงกรมการเมืองอภิปรายรายงานลับของโซเวียต ระหว่างการประชุม ประธานเหมา เจ๋อตงทบทวนประวัติความสัมพันธ์ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์จีนและโซเวียต และกล่าวว่า เรารู้สึกเรื่องนี้กะทันหันมาก นายนิกิตา ครุสชอฟประณามนายสตาลิน แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็เป็นประโยชน์ต่อพรรคเราในระดับหนึ่ง อย่างน้อยช่วยเตือนเราต้องปฏิเสธเรื่องลัทธิงมงาย เราต้องรับบทเรียนจากความผิดพลาดของโซเวียต การพัฒนาประเทศสังคมนิยมไม่จำเป็นต้องเดินตามแนวทางของโซเวียต เราต้องพยายามแสวงหาแนวทางที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของประเทศเรา
นายเติ้ง เสี่ยวผิง กล่าวในที่ประชุมว่า นายสตาลิน สนับสนุนลัทธิบูชาตัวบุคคลไม่ถูกต้อง แต่ความผิดพลาดของนายสตาลินไม่ได้เกิดจากลัทธิบูชาตัวบุคคลเพียงอย่างเดียว
สุดท้าย ที่ประชุมมีมติว่า ต้องตีพิมพ์บทความบทหนึ่งเพื่อแสดงท่าทีของพรรคคอมมิวนิสต์จีนต่อรายงานลับของนายนิกิตา ครุสชอฟ นายเฉิง โป๋ต๋า เลขานุการประธานเหมา เจ๋อตงรับผิดชอบร่างบทความนี้ สำนักข่าวซินหวา สำนักงานประชาสัมพันธ์คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้คำชี้แนะ นายเติ้ง เสี่ยวผิงเป็นผู้กำกับดูแลเรื่องนี้ อีกทั้งรับผิดชอบตรวจแก้เพิ่มเติมบทความนี้ด้วย
หลังบทความนี้เขียนเสร็จเรียบร้อย ได้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ เหรินหมินรึเป้าฉบับวันที่ 5 เมษายนปี 1956 โดยมีหัวข้อว่า "ว่าด้วยประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ของเผด็จการการปกครองโดยชนชั้นกรรมาชีพ" โดยมีใจความว่า ทั้งๆ ที่นายสตาลินเคยกระทำความผิด แต่อย่างไรก็ตาม เขาเป็นผู้เลื่อมใสลัทธิมาร์กซ์ ลัทธิเลนินที่ยิ่งใหญ่ เราควรติชมนายสตาลินด้วยทัศนะทางประวัติศาสตร์ ประเมินความถูกต้องและความผิดพลาดของเขาอย่างรอบคอบและสมเหตุสมผล เป็นเช่นนี้จึงจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาติของเรา