ในช่วงที่เรียนในโรงเรียนการบินเป็นเวลา 4 ปี เพื่อนนักเรียนส่วนใหญ่เป็นลูกโทนเหมือนหลิวหยาง และพากันขอให้พ่อแม่ไปเยี่ยมที่โรงเรียน และให้ส่งของกินของใช้ไห้เรื่อย แต่หลิวหยางไม่เคยให้พ่อแม่ไปเยี่ยมสักครั้ง
ปี 2003 โรงเรียนมัธยมที่หลิวหยางเคยเรียนฉลองครบรอบ 50 ปี หลิวหยางได้รับเชิญให้กลับมาโรงเรียนเพื่อกล่าวบรรยายให้น้องใหม่ ครูคุยกับหลิวหยางแล้วรู้สึกว่า นักเรียนหญิงคนนี้เติบโตอย่างมากและพูดเก่งมาก แต่หลิวหยางยังแต่งตัวเรียบง่ายเหมือนเดิม ของขวัญที่เอาไปมอบให้ครูก็คือ ช็อคโกแลตที่หน่วยงานแจกให้นักบิน
หลิวหยางเคยเขียนบันทึกประจำวันว่า นักบินเป็นอาชีพที่กล้าหาญ ต้องใจกล้าละเอียดประนีต ใจเย็น และเด็ดขาด มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลิวหยางเข้าร่วมการซ้อมการบิน ขณะที่ได้ยินคำสั่งให้เก็บปีกปั๊บ ก็ได้ยินเสียงดัง"ปุ้ง" เครื่องบินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง กลิ่นไหม้อบอวลห้องขับทันที
หลิวหยางวินิจฉัยว่า คงมีนกชนเครื่องบิน ช่วงนั้น หลิวหยางเพิ่งได้เรียนจบสองปีเท่านั้น ยังไม่เคยพบเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลย แต่ด้วยความที่เป็นคนใจเย็น ตั้งสติอย่างดี รีบรายงานให้ผู้บัญชาการทราบ และพยายามร่อนลงจอดภายในเวลาสองนาทีโดยปฏิบัติตามคำสั่งอย่างจริงจัง
หลังจากตรวจสภาพแล้วปรากฏว่า ขณะที่หลิวหยางเก็บปีกเครื่องบิน พอดีมีนกฝูงหนึ่งชนกับเครื่องบิน ทำให้ใบพัดของเครื่องยนต์หักสองใบ และช่องถ่ายเทอากาศอุดตัน 3/4 ช่องล้อถูกกระแทกเป็นหลุมใหญ่
ใครๆก็บอกว่า หลิวหยางมีนิสัยที่ซื่อสัตย์ใจเย็นเหมือนคุณพ่อ และเข้มแข็งเด็ดขาดเหมือนคุณแม่ เธอเชื่อฟังพ่อแม่เชื่อฟังครู แต่ร่าเริงเสมอไม่เครียด เพื่อนเรียนและเพื่อนร่วมงานต่างชมว่า เรียนเก่งและยิ้มเก่ง
หลิวหยางแต่งงานกับนายจางหวาตั้งแต่เมื่อปี 2004 สามีเป็นนักบินทหารอากาศเหมือนกัน ทั้งสองคนรักกันมาก วางแผนจะมีบุตรในปี 2009 แต่เนื่องจากหลิวหยางต้องไปเข้าร่วมการคัดเลือกนักบินอวกาศและหลังจากนั้นต้องเข้ารับการอบรมอย่างหนัก จนถึงขณะนี้ หลิวหยางยังไม่มีลูก
พ่อสามีแต่ก่อนก็เคยเป็นทหารอากาศ หลังปลดเกษียณแล้ว กลับไปอยู่บ้านเกิดเมืองนอนที่เมืองหยีชาง ของมณฑลหูเป่ย เขาว่า ลูกชายกับหลิวหยางรักกันเองในช่วงที่ทำงานในหน่วยทหารเดียวกัน และชมว่า หลิวหยางขยันมากเป็นลูกสะใภ้ที่กตัญญูต่อผู้ใหญ่ และเผยว่า อยากได้หลานโดยเร็ว หวังว่า ภายหลังสำเร็จหน้าที่ครั้งนี้แล้ว สองคนจะมีแผนสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ได้เลย
ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายนที่จีนจะส่งยานอวกาศ "เสินโจว 9" เป็นต้นมา ที่บ้านพ่อแม่หลิวหยางเมืองเจิ้งโจว มักจะเต็มไปด้วยญาติๆเพื่อนฝูงและผู้สื่อข่าวที่พากันไปเยี่ยมและขอสัมภาษณ์ คุณพ่อให้สัมภาษณ์ด้วยความภาคภูมิใจว่า ลูกสาวมีนิสัยใจเย็นขยันขันแข็งตั้งแต่เด็ก และเรียนเก่งทุกวิชา
ซึ่งคุณพ่อก็ยอมรับว่า อิจฉาเพื่อนบ้านที่ได้อยู่กับลูกบ่อยครั้ง เพราะว่าหลิวหยางไม่ค่อยมีเวลากลับบ้าน เขาเผยว่า ในช่วงที่เพิ่งจบเรียน ลูกสาวกลับบ้านปีละครั้งเท่านั้น แต่หลังจากได้รับการคัดเลือกเป็นนักบินอวกาศแล้ว ภายในเวลา 3 ปี ลูกสาวกับลูกเขยกลับบ้านเพียงครั้งเดียว
ทำอาชีพเช่นนี้ ต้องมีความเสียสละ ดูว่า หลิวหยางกับครอบครัวได้รับเกียรติและความสนใจมาก แต่ความเสียสละและอุปสรรค์ที่พวกเขาต้องเผชิญ คนธรรมดามักจะไม่รู้เรื่องเลย
เพื่อนบ้านหลิวหยางต่างปลื้มปิติยินดีที่อยู่ใกล้กับบ้านหลิวหยาง และชมว่า ครอบครัวหลิวหยางสมานฉันท์มาก ไม่มีทะเลาะกัน และเข้ากันกับเพื่อนบ้านได้หมด คุณพ่อไม่ชอบพูด แต่หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ คุณแม่พูดเก่ง มักจะทักทายกับคนอื่นก่อน ซึ่งหลิวหยางได้ส่วนดีทั้งของพ่อและของแม่
หน่วยงานบริหารเขตชุมชนหมู่บ้านของพ่อแม่หลิวหยางต้องทำงานหนัก และต้องตระเตรียมทั้งสถานที่จอดรถและสิ่งแวดล้อมที่สะอาดสะอ้าน ทั้งเตรียมแตงโม น้ำถั่วเขียวไว้รับรองแขก มีอยู่วันหนึ่ง มีผู้สื่อข่าวที่ไปทำข่าวถึงกว่า 100 คน
จีนเป็นชาติที่ 3 ที่ส่งมนุษย์ขึ้นสู่อวกาศต่อจากสหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกา และเป็นชาติที่ 3 ที่ส่งนักบินอวกาศหญิงขึ้นสู่อวกาศด้วยเทคโนโลยีของตนเองต่อจากสองชาตินี้เช่นกัน ในอนาคตไม่ไกล จีนยังมีแผนจะส่งมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์ด้วย.
