เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา กรุงดามัสกัสของซีเรียยังคงเกิดเหตุการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน สงครามในเมืองอาเลปโป เมืองสำคัญทางภาคเหนือของซีเรียก็ได้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กองทัพรัฐบาลและกลุ่มติดอาวุธมีการปะทะกันอย่างมาก และเริ่มเปิดฉากโจมตีด้วยเครื่องบินรบเป็นครั้งแรก โดยได้ยิงกลุ่มผู้ติดอาวุธเสียชีวิตหลายร้อยราย และมีการจับกุมผู้คนจำนวนมาก ขณะเดียวกัน ประชาคมโลกคัดค้านกำลังภายนอกที่เข้าแทรกแซงกิจการภายในของซีเรีย โดยเสนอให้แก้ไขวิกฤตการด้วยการพูดคุยเจรจา
ปัจจุบัน เมืองอาเลปโปกลายเป็นสนามรบหลักที่กองทัพรัฐบาลและกลุ่มติดอาวุธซีเรียเปิดศึกแย่งชิงกัน หลายวันมานี้ เมืองอาเลปโปเกิดกลุ่มควันหนาแน่น และมีเสียงปืนดังอย่างไม่ขาดสาย ก่อนหน้านี้ มีบทวิเคราห์ระบุ ถึงแม้ว่ากองทัพรัฐบาลมีความได้เปรียบด้านจำนวนทหาร และอุปกรณ์เมื่อเทียบกับกลุ่มต่อต้านที่ติดอาวุธ แต่อาวุธประเภทหนักของกองทัพรัฐบาลไม่เหมาะที่จะโจมตีกลุ่มต่อต้านติดอาวุธที่กระจายอยู่ทั่วไปในสถานที่ต่างๆ นอกจากนี้ อาวุธที่หลั่งไหลเข้ามาจากต่างประเทศก็ได้เพิ่มกำลังให้กับกลุ่มต่อต้านติดอาวุธอย่างมาก
ปัจจุบัน รัฐบาลซีเรียกำลังเพิ่มกำลังโจมตีการก่อการร้ายของกลุ่มต่อต้านติดอาวุธต่อไป โดยกองทัพรัฐบาลใช้เครื่องบินรบและเฮลิคอปเตอร์เข้าโจมตีกลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลที่เมืองอาเลปโป และเพิ่มกำลังการโจมตีด้วยอาวุธหนัก เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายบาชาร์ อัล-อััสซัด ประธานาธิบดีซีเรียประกาศคำสั่งให้จัดตั้งศาลพิเศษเกี่ยวกับปฏิบัติการของกลุ่มก่อการร้ายซีเรีย เพื่อทำงานด้านการตรวจสอบพิจารณาคดีการก่อการร้ายโดยเฉพาะ โดยศาลนี้มีสิทธิ์ลงโทษผู้กระทำผิดกฎหมายด้านการก่อการร้าย
เมื่อเร็วๆ นี้ ประชาคมโลกมีเสียงสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลซีเรีย โดยเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายเซอร์เกย์ ลัฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียกล่าวที่กรุงมอสโกว่า ถ้าประเทศบางประเทศสนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลต่อไป ก็ไม่สามารถสร้าง "ทะเบียนสิทธิมนุษยชน" หรือ "เขตปลอดภัย" ในซีเรียได้ วันเดียวกันนายอัสนัน มันซูร์ รัฐมนตรีต่างประเทศเลบานอนย้ำว่า การแทรกแซงทางทหารจะทำให้วิกฤตการณ์ของซีเรียสลับสับซ้อนยิ่งขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีบราซิลก็ได้กล่าวว่า การแทรกแซงทางทหารต่อซีเรียจะโจมตีตลาดน้ำมันดิบโลก และทำให้วิกฤตเศรษฐกิจโลกทวีความรุนแรงขึ้นอีก
Yim/Ldan