ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคมเป็นต้นมา นายหยาง เจี๋ยฉือ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้เยือนอินโดนีเซีย บรูไน และมาเลเซียเป็นเวลา 5 วัน โดยวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา นายหยาง เจี๋ยฉือ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนพบปะกับนายซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย และร่วมกับนายมาร์ตี้ นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียเป็นประธานในการประชุมของคณะกรรมการร่วมเกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ หลังการประชุมมีการออกแถลงการณ์ข่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุความเห็นร่วมกันในปัญหาระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคหลายๆ ประการ
นายจาง จิ่วหวน อดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำสิงคโปร์และไทยกล่าวว่า การพัฒนาความสัมพันธ์ฉันหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์และการเจรจาระหว่างจีนกับอาเซียนนั้นเป็นการช่วยส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอาเซียน และความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างจีนกับประเทศสมาชิกต่างๆ ในอาเซียน
ศาสตราจารณ์กง หยิงชุน ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศจากสถาบันการทูตจีนกล่าวว่า ปีหลังๆ นี้ ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกสำคัญในอาเซียนได้รับการพัฒนาอย่างมาก การที่จีนและอินโดนีเซียประสานจุดยืนในปัญหาระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคต่างๆ อีกทั้งเสริมความร่วมมือทางยุทธศาสตร์นั้นไม่เพียงแต่สอดคล้องกับประโยชน์ขั้นพื้นฐานของสองประเทศและประชาชนสองประเทศเท่านั้น หากยังมีบทบาทที่เป็นแบบอย่างในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับประเทศสมาชิกอาเซียนต่อภูมิภาคนี้ด้วย ภายใต้สถานการณ์ระหว่างประเทศที่มีความสลับซับซ้อนในขณะนี้ ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างจีนและอินโดนีเซียไม่เพียงแต่ปรากฏให้เห็นในการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างทั้งสองประเทศเท่านั้น หากนับวันยังปรากฏให้เห็นมากขึ้นในความร่วมมือในปัญหาระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคต่างๆ ด้วย
ศาสตราจารณ์กง หยิงชุน กล่าวเน้นว่า ถึงแม้ว่าแถลงการณ์ว่าด้วยการปฏิบัติการของทุกฝ่ายในทะเลจีนใต้ไม่ใช่เอกสารเชิงกฎหมาย แต่มีผลบังคับใช้ต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในกรณีบางฝ่ายฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของแถลงการณ์ว่าด้วยการปฏิบัติการของทุกฝ่ายในทะเลจีนใต้ก่อน โดยใช้ปฏิบัติการต่างๆ ทำให้สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ทวีความตึงเครียดขึ้น ไม่ว่าใครก็ตามไม่ควรเรียกร้องให้จีนเคารพและปฏิบัติแถลงการณ์ดังกล่าวนี้โดยเพียงลำพังฝ่ายเดียว
ศาสตราจารณ์กง หยิงชุน ยังกล่าวว่า การพิทักษ์สันติภาพ เสถียรภาพของทะเลจีนใต้ และปฏิบัติตามแถลงการณ์ว่าด้วยการปฏิบัติการของทุกฝ่ายในทะเลจีนใต้นั้นไม่ใช่เป็นภาระหน้าที่ของประเทศจีนเพียงประเทศเดียวเท่านั้น แต่เป็นภาระหน้าที่ร่วมกันของทุกประเทศที่เกี่ยวข้อง ประเทศสมาชิกในอาเซียนจึงมีภาระหน้าที่ร่วมกันในการพิทักษ์สันติภาพและความมั่นคงในทะเลจีนใต้ แถลงการณ์ข่าวเน้นว่า ทุกฝ่ายต้องร่วมปรึกษาหารือกัน เพื่อบรรลุความเห็นที่เป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับหลักปฏิบัติการในทะเลจีนใต้ในอนาคต ซึ่งไม่ควรให้อาเซียนร่างเอกสารฉบับหนึ่ง แล้วนำมาให้จีนลงนาม แต่ต้องให้จีนและอาเซียนร่วมปรึกษาหารือในหลักปฏิบัติการในทะเลจีนใต้ในอนาคตภายใต้สภาพที่ไม่ได้รับการแทรกแซงจากภายนอก
(YIM/cai)