เมื่อเร็วๆ นี้ สมาชิกคณะรัฐมนตรี 2 คนและสมาชิกรัฐสภาบางคนได้เดินทางไปสักการะศาลเจ้ายาซูคูนิอย่างเปิดเผย เพื่อแสดงเคารพและเชิดชูจิตวิญญานอาชญากรสงครามกลับคืนมา นับเป็นครั้งแรกหลังจากปี 2009 เป็นต้นมาที่มีสมาชิกคณะรัฐมนตรีไปสักการะศาลเจ้ายาซูคูนิ ซึ่งเป็นการขับรถถอยหลังในปัญหาประวัติศาสตร์ ที่ทำลายอารมณ์ของประชาชนประเทศต่างๆ ของเอเชียอย่างหนัก การนี้มีความหมายถึงอะไร เป็นไปไม่ได้ที่ญี่ปุ่นจะไม่รู้ ซึ่งการท้าทายข้อสรุปที่แน่นอนทางประวัติศาสตร์ การต่อต้านและกระทบความเป็นจริงอันเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปนั้นเป็นการเสื่อมโทรมด้านศีลธรรม ที่ต้องมีการชดใช้ทดแทนอย่างแน่นอน
ประเทศที่เคยก่อเรื่องไม่ถูกไม่ควรไว้ในประวัติศาสตร์ ทั้งยังทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องทางการเมือง ย่อมจะไม่มีสิทธิ์ยืนยืดอกตัวตรงอยู่ในประชาคมโลกได้ ไม่ว่าเศรษฐกิจของเขาจะพัฒนาไปมากถึงขนาดไหน มีที่พึ่งพิงยิ่งใหญ่ขนาดใดก็ตาม ล้วนไม่สามารถกลายเป็นประเทศใหญ่ที่มีเีกียรติได้ ประเทศที่ไม่สนใจว่าจะไ้ด้รับความอภัยจากชาวโลกหรือไม่นั้น เป็นสภาพจิตใจที่เข้าใจได้ยาก ประเทศอย่างนี้จึงยากที่จะมอบความสนิทให้กันกับประเทศอื่นได้ ทั้งทำให้ประเทศอื่นต้องระวัดระวัง เพราะสาเหตุที่ว่า ผู้ที่ไม่ยอมรับความผิดของตน ย่อมจะกลับมาทำความผิดอีกครั้งสักวันหนึ่ง
สภาพจิตใจอะไรทำให้ญี่ปุ่นสูญเสียกำลังควบคุมตัวเอง และท้าทายเจตนารมณ์อันเข้มแข็งในด้านการรักษาอธิปไตยเหนือดินแดนของจีนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าท่าทีที่ปฏิเสธจะทบทวนปัญหาทางประวัติศาสตร์ หรือพาลไม่ยอมฟังเหตุผลในปัญหาสภาพความเป็นจริง ล้วนเกิดจากจิตสำนึกที่ทำตามใจชอบและไม่สนใจความคิดคนอื่น ซึ่งลักษณะแบบดื้อด้านและกล้าหาญไม่กลัวใครนี้ ถ้าขยายขึ้นถึงขั้นสุดขีด จะเกิดการกระทำที่อุกอาจำอย่างไรขึ้น ประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะลืมกันง่ายๆ
"วันที่ 15 สิงหาคม" เป็นกระจกบานหนึ่งที่สะท้อนให้ผู้คนเห็นอย่างชัดเจนว่า ประวัติศาสตร์และสภาพความเป็นจริงยากที่จะแยกออกได้ แนวคิดและทัศนะที่ถูกบิดเบือน ย่อมจะทำให้เกิดการกระทำผิด ถ้าหากญี่ปุ่นไม่มีท่าทีที่ถูกต้องต่อประวัติศาสตร์ ก็ยากที่จะมีวินัยบังคับควบคุมตัวเองได้
(Yim/Lin)