มีสื่อมวลชนญี่ปุ่นใช้สำนวนว่า "นั่งบนหลังเสือ" มาอุปมาจุดยืนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันและสถานการณ์ชะงักงันระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเกี่ยวกับปัญหาเกาะเตี้ยวอี๋ว์ แม้สำนวนนี้ใช้พรรณนาถึงภาวะที่จีนและญี่ปุ่นเผชิญอยู่ในข้อพิพาทเกาะเตี้ยวอี๋ว์ไม่ถูกต้องเต็มร้อยนัก แต่ก็แสดงให้เห็นว่า ความละเอียดอ่อนของข้อพิพาทระหว่างประเทศ ซึ่งผู้คนมักจะจับตามองจุดยืนที่เป็นปฏิปักษ์กันอย่างรุนแรงและการไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กันของคู่พิพาท
เมื่อเผชิญกับข้อพิพาทระหว่างประเทศ ไม่ควรยืนกรานแต่จะเป็นปฏิปักษ์กัน ความจริงแล้วคู่พิพาทมักจะมีผลประโยชน์ร่วมกันมากพอที่จะส่งเสริมให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันใช้ความพยายามผ่อนคลายความขัดแย้งกัน และสร้างเงื่อนไขสำหรับแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนผลประโยชน์ส่วนตัว สำหรับจีนกับญี่ปุ่น ผลประโยชน์ร่วมกันที่ใหญ่ที่่สุดคือ บรรลุการพัฒนาอย่างสันติ ซึ่งจีนได้กำหนดการพัฒนาอย่างสันติเป็นยุทธศาสตร์แห่งชาติในระยะยาวแล้ว แต่ญี่ปุ่นจะถือการพัฒนาอย่างสันติเป็นยุทธศาสตร์แห่งชาติในระยะยาวหรือไม่นั้น กำลังเป็นช่วงสำคัญที่ให้ญี่ปุ่นตัดสินใจเอง ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากผลประโยชน์ระยะยาวแห่งการพัฒนาประเทศของทั้งจีนและญี่ปุี่น ตลอดจนการดำเนินความร่วมมือภายในภูมิภาคแล้ว การจัดปัญหาเกาะเตี้ยวอี๋ว์ให้ดีด้วยความระมัดระวังนั้นจึงสำคัญอย่างยิ่ง ปัจจุบัน เพียงแต่ญี่ปุ่นยอมรับในข้อพิพาทและวางปัญหาไว้ก่อน สถานการณ์เกาะเตี้ยวอี๋ว์จึงจะเย็นลงได้
Ton/feng