สมเด็จพระนโรดม สีหนุเสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 31 เดือนตุลาคมปี 1922 ที่กรุงพนมเปญ สืบเชื้อสายจากสองราชสกุล ได้แก่ พระวงศ์นโรม กับ พระวงศ์สีสุวัตถิ์ ทรงเป็นพระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต และสมเด็จพระมหากษัตริยานีสีสุวัตถิ์ กุสุมะ นารีรัตน์ สิริวัฒนา และทรงขึ้นครองราชสมบัติเมื่อเดือนเมษายนปี 1941
ช่วงระหว่างปี 1952-1953 สมเด็จพระนโรดม สีหนุในนามแห่งของกษัตริย์กัมพูชา ทรงเรียกร้องความเป็นเอกราชจากประเทศฝรั่งเศส ส่งผลให้กัมพูชาเป็นประเทศเอกราชอย่างสมบูรณ์ในวันที่ 9 พฤศจิกายนปี 1953
เมื่อเดือนมีนาคมปี 1970 กลุ่มนายพลลอน นอลก่อรัฐประหาร ทำให้สมเด็จพระนโรดม สีหนุต้องเสด็จไปพำนักที่กรุงปักกิ่ง และได้รับการปฏิบัติอย่างสมพระเกียรติจากนายเหมา เจ๋อตง นายเติ้ง เสี่ยวผิง และผู้นำคนอื่นๆ ของจีน จากนั้น พระองค์ทรงจัดตั้งแนวร่วมเพื่อเอกภาพแห่งชาติกัมพูชาและทรงเป็นผู้นำแนวร่วมฯ ต่อสู้เพื่อการปลดปล่อยกัมพูชาจนได้รับชัยชนะ ช่วงปี 1975-1979 สมัยเขมรแดงนั้น พระองค์ทรงเป็นประมุขแห่งชาติในนามเท่านั้น ทรงถูกกักบริเวณในพระมหาราชวังพร้อมกับพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
หลังจากเวียดนามรุกรานกัมพูชาเมื่อปี 1979 สมเด็จพระนโรดม สีหนุทรงจัดตั้งแนวร่วมเพื่อความเป็นเอกราช เป็นกลาง สันติภาพ และความปรองดองแห่งชาติ และทรงเป็นผู้นำสงครามต่อต้านเวียดนาม จนกระทั่งเมื่อเดือนตุลาคมปี 1991 พระองค์ทรงนำคณะสภาสูงสุดแห่งชาติกัมพูชาเข้าร่วมการประชุมปารีส และทรงร่วมลงนามข้อตกลงต่างๆ ว่าด้วยการยุติสงครามกลางเมืองในกัมพูชาด้วยวิถีทางการเมืองทุกด้าน นั่นคือ "ข้อตกลงสันติภาพปารีส"
เมื่อเดือนกันยายนปี 1993 กัมพูชาประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งมีการบัญญัติให้ฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตรยิ์เป็นประมุข จากนั้น สมเด็จพระนโรดม สีหนุทรงได้รับการถวายตำแหน่งเป็นพระมหากษัตริย์และเป็นประมุขแห่งชาติตลอดชีพ ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมปี 2004 พระองค์ทรงประกาศถึงพี่น้องร่วมชาติ โดยระบุว่า เนื่องด้วยวัยชราและโรคชราหลายอย่าง พระองค์ทรงตัดสินพระราชหฤทัยสละพระราชสมบัติ และเมื่อวันที่ 14 เดือนตุลาคมปี 2004 มีการถวายตำแหน่งแด่สมเด็จพระนโรดม สีหมุนี ให้เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ต่อไป
สมเด็จพระนโรดม สีหนุทรงมุ่งมั่นส่งเสริมมิตรภาพกัมพูชา-จีนเป็นเวลายาวนาน เคยพระราชทานทรัพย์สินส่วนพระองค์แก่พื้นที่ประสบภัยธรรมชาติของจีนหลายครั้ง
(YING/LING)