การเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฏรญี่ปุ่นนับวันใกล้เข้ามา การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ ได้เข้าสู่ช่วงเข้มข้น ซึ่งในประเด็นการต่างประเทศนั้น แนวโน้มที่ห่างไกลไปจากสภาพความเป็นจริง และ "แข่งกันเข้าข้างปีกขวา" ของพรรคต่างๆ ชัดเจนขึ้นทุกที ซึ่งได้เกี่ยวรัดการต่างประเทศและอนาคตของญี่ปุ่นอย่างแนบแน่น
เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน วุฒิสภาสหรัฐอเมริกาได้แก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎหมายด้านการป้องกันประเทศประจำปี 2013 โดยระบุว่า "สนธิสัญญาความมั่นคงสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น" สามารถใช้กับเกาะเตี้ยวอี๋ว์ ซึ่งข่าวนี้ได้ก่อกระแสอย่างใหญ่มากขึ้นในญี่ปุ่นทันที โดยผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นหลายคนที่ได้รับการสนับสนุนระดับสูงพากันแสดงท่าทีอันแข็งกร้าว และเสียงเรียกร้องที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเลื่อนระดับกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นให้เป็นกองทัพป้องกันประเทศนั้นดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ นายโยชิฮิโกะ โนดะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปไตย ด้านหนึ่งพยายามปฏิบัติตัว "เข้าข้างปีกขวา" อย่างต่อเนื่อง แต่อีกด้านหนึ่งกล่าวเน้นย้ำว่า "ตนเองเป็นคนที่ยึดถือความจริง จึงจะผลักดันนโยบายด้านการต่างประเทศและการรักษาความมั่นคงตามสภาพความเป็นจริงไว้"
นายโยชิฮิโกะ โนดะคงไม่ได้ลืมว่า ก่อนหน้าพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่นจะขึ้นสู่เวทีการเมือง หลักการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของเขาระบุอย่างชัดเจนว่า "จะสร้างความสัมพันธ์แห่งความเชื่อถือกับจีน เกาหลีใต้และประเทศเอเชียอื่นๆ อย่างเต็มความสามารถ" น่าคิดว่า ปัจจุบันเขาทำได้ตามที่ระบุไว้หรือไม่
เมื่อทบทวนกิจการต่างประเทศของรัฐบาลนายโยชิฮิโกะ โนดะ ความล้มเหลวใหญ่หลวงที่สุดคือไม่คำนึงถืงการคัดค้านอย่างรุนแรงของจีน สลัดทิ้งบันทึกความเข้าใจและความเห็นร่วมกันระหว่างผู้นำรุ่นเก่าของจีนและญี่ปุ่น และดึงดันจัดซื้อเกาะเตี้ยวอี๋ว์ซึ่งเป็นดินแดนดั้งเดิมของจีน "ให้เป็นของรัฐตน" โดยพลการ พฤติกรรมนี้ได้ละเมิดอธิปไตยเหนือดินแดนของจีน และได้ทำลายความรักความผูกพันของประชาชนจีนอย่างรุนแรง ความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นจึงตกอยู่ในภาวะตึงเครียดที่สุดในช่วง 40 ปีแห่งการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับญี่ปุ่นอย่างเป็นปกติ และทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นประสบผลกระทบอย่างใหญ่หลวง
Ton/feng