เมื่อเร็วๆนี้ หนังสือพิมพ์เจี่ยฟ่างรายวันของเซี่ยงไฮ้ลงพิมพ์บทความระบุว่า หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐได้รับเลือกอีกสมัยเมื่อไม่นาน มานี้ เขาเลือกเอเซียในการเดินทางเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรก นี่แสดงให้เห็นว่า เอเซียมีฐานะสำคัญด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจต่อสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก แต่การนี้ยังเปิดโปงถึงปัญหาด้านการดำเนินนโยบายระดับภูมิภาคเอเซียแปซิฟิคของสหรัฐฯด้วย นั่นก็คือ ในวาระแรกเริ่มดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของนายโอบามา เขาได้ใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปรับความสนใจทางยุทธศาสตร์เพื่อคืนสู่ตะวันออก และในปีนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "การปรับความสมดุลใหม่" และในวาระที่สองการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขานั้นยังคงยากที่จะขยายบทบาทให้มากขึ้น
ประการแรกคือ ประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้ดำเนินนโยบายการปรับความสนใจทางยุทธศษสตร์เพื่อคืนสู่ตะวันออกเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว โดนผ่านวิธีการต่างๆนานา ถึงปัจจุบันคาดว่าว่า คงยากจะค้นหาวิธีการใหม่อีก ซึ่งสามารถกล่าวอย่างคร่าวๆ ได้ว่า ยุทธศาสตร์ดังกล่าวมีลักษณะสำคัญดังนี้ คือ หนึ่ง ฉวยโอกาสเสริมกำลังทหารในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิคให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น สอง ควบคุมระดับความตึงเครียดของสถานการณ์ในภูมิภาค ที่รักษาไว้ในระดับต่ำมาโดยตลอด และสาม ต้อการเข้ามาดำเนินการไกล่เกลี่ยโดยใช้ฐานะความเป็นกลาง ซึ่งมุ่งหมายจะขยายอำนาจการนำและสิทธิการออกเสียงของตนในภูมิภาคนี้ให้มากยิ่งขึ้น
อันดับต่อไปคือ การที่สหรัฐอเมริกาดำเนินนโยบายการปรับความสนใจทางยุทธศาสตร์เพื่อคืนสู่ตะวันออกนั้นไม่มีความเป็นธรรมชาติ เนื่องจากอวดแสนยานุภาพมาก่อนอื่น ซึ่งทำให้เกิดสภาพที่ไม่สมดุลเป็นอย่างมาก คือ ขาหนึ่งมีกำลังด้านแสนยานุภาพที่ค่อนข้างแข็งแรง ส่วนอีกขาหนึ่งด้านเศรษฐกิจกลับไม่มีอำนาจพอ แหล่งข่าวรายงานว่า เหตุนี้สหรัฐฯจึงได้เปลี่ยนชื่อนโยบายนี้ให้เป็นการปรับความสมดุลใหม่ โดยมุ่งหมายจะลดกำลังด้านแสนยานุภาพให้น้อยลง แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะเปลี่ยนชื่อเรียกอย่างไรก็ตาม แต่ความเหนือกว่าของสหรัฐยังคงคือ กำลังทหาร ซึ่งย่อมต้องการขยายบทบาทแน่นอน
ประการที่สาม สหรัฐอเมริกาคงยากจะรวมศูนย์กำลังในกิจการของภูมิภาคเอเซียแปซิฟิคได้ ปัจจุบัน กล่าวโดยทั่วไปแล้ว สถานการณ์ในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิคมีลักษณะที่ค่อนข้างมั่นคง ขณะที่สหรัฐอเมริกายังต้องจัดการกับปัญหาอื่นๆมากมายซึ่งเกิดขึ้นอยู่นอกเขตเอเซียแปซิฟิค เช่น การถอนกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถาน ปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่าน การปะทะกันระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราเอล การปราบปรามการก่อการร้ายทั่วโลก ตลอดจนปัญหาการแพร่กระจายอาวุธทำลายล้างสูง เป็นต้น และเรื่องต่างๆดังกล่าวล้วนเกี่ยวพันกับผลประโยชน์หลักของสหรัฐฯโดยตรง ด้วยเหตุนี้ สหรัฐอเมริกาย่อมจะไม่สามารถรวมศูนย์กำลังอยู่ที่เอเซียแปซิฟิคได้อย่างเดียวแน่นอน
กล่าวโดยสรุปแล้ว เนื่องจากมีความไม่สมดุลด้านโครงสร้างการดำเนินนโยบาย และมีความขัดแย้งกันด้านความต้องการทั้งจากส่วนภูมิภาคและโดยรวมแล้ว การที่นายบารัค โอบามาประธานาธิบดีสหรัฐหมายจะปรับความสนใจทางยุทธศาสตร์คืนสู่ตะวันออกในวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองนั้นคงยากจะขยายบทบาทให้มากขึ้นได้อย่างแน่นอน
LJ/Ton