ภาพ1 เทพเจ้าแห่งความรวย

ในช่วงตรุษจีน ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามจันทรคติของจีน ในประเทศจีนหรือเขตพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกที่มีชาวจีนพำนักอยู่ ชาวจีนมักทักทายโดยภาษาจีน 4 คำ คือ "กง สิ ฟา ไฉ" แปลว่า ขอให้ร่ำรวย และก็ชอบส่ง ส.ค.ส. ที่พิมพ์ 4 คำนี้แก่กันด้วย เพื่ออวยพรให้ประกอบธุรกิจดีและรวยขึ้นเรื่อยๆ

ในโรงแรม ร้านอาหารและครอบครัวจีนจำนวนมาก มีการบูชาเทพเจ้าแห่งความรวย ตามประเพณีของชาวจีน เวลาเลี้ยงแขก มักต้องเลี้ยงปลาทั้งตัว ซึ่งมีความหมายอวยพรให้มีเงินใช้ไม่หมด มีความเหลือเฟือตลอดไป เพราะปลามีความหมายว่า "เหลือเฟือ" แสดงว่า ในความคิดของชาวจีน เรื่องเงินมีความสำคัญมาก

พูดถึงเรื่องเงิน ก็ย่อมนึกถึงสถานที่แห่งหนึ่ง คือธนาคารนั่นเอง แม้ว่า อัตราดอกเบี้ยปรับลดลงเรื่อยๆ และอัตราของดัชนีบริโภคหรือซีพีไอ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม แต่การฝากเงินที่ธนาคารก็ยังคงเป็นวิธีการเก็บเงินอันดังแรกและโดยตรงที่สุดของชาวจีนส่วนใหญ่ แต่ในสมัยโบราณยังไม่มีธนาคาร ชาวจีนต้องเก็บเงินในรูปแบบอื่นๆ

ภาพ2 การเก็บเงิยไว้ใต้ดิน

รูปแบบที่ง่ายและโดยตรงที่สุดก็คือ เก็บไว้ในห้องใต้ดินหรือถังชนิดต่างๆ ชาวจีนโบราณมักเก็บเหรียญเงินไว้ในถังชนิดต่างๆ และเอาไปฝังไว้ใต้ดิน วิธีการเก็นเงินเช่นนี้ เป็นที่นิยมของเศรษฐี ซึ่งก็เป็นสาเหตุสำคัญที่การขุดค้นทางโบราณคดีมักพบเงินโบราณจำนวนมาก มีข่าวรายงานว่า เดือนตุลาคมของปี 1970 ซึ่งกำลังอยู่ในช่วง "การปฏิวัติทางวัฒนธรรม" ของจีน ในเมืองซีอันของมณฑลส่านซีขุดและค้นพบโบราณวัตถุสำคัญ คือในโอ่งปั้นดินเผาขนาดใหญ่ 2 อันและโอ่งเงินขนาดใหญ่อีกอันหนึ่ง เก็บเงินทอง เครื่องหยก และเงินแท่ง เป็นต้นไว้กว่า 1,000 ชิ้น เพียงเครื่องเงินและเครื่องทองก็มากถึง 265 ชิ้น หลังการตรวจสอบแล้วยืนยันได้ว่า สิ่งของเหล่านี้เป็นโบราณวัตถุสมัยราชวงศ์ถัง ห่างจากปัจจุบันประมาณ 1,300 ปี

เมื่อเดือนมกราคมปี 1982 ในเขตชนบทของมณฑลเจียงซู ชาวนาคนหนึ่งขุดได้เครื่องทองจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะมีสัตว์ทองคำตัวหนึ่ง หนักกว่า 9 กิโลกรัม เป็นสัตว์ทองคำโบราณที่หนักที่สุดที่จีนค้นพบในปัจจุบัน และในกล่องทองแดงที่ฝังไว้ใต้สัตว์ทองคำตัวนั้น มีทองแท่ง 20 กว่าแท่ง นักโบราณคดีระบุว่า เครื่องทองเหล่านี้เป็นของราชวงศ์ซีฮั่นหรือฮั่นตะวันตก ห่างจากปัจจุบัน 2,200 กว่าปีแล้ว ไม่ได้ฝังร่วมกับศพ เป็นทรัพย์สินเงินทองที่คนรวยในสมัยนั้นเก็บไว้เอง

ภาพ3 สัตว์ทองคำที่หนักกว่า 9 กิโลกรัม