เมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา นายทาโร อาโซะ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังญี่ปุ่นเริ่มการเยือนเมียนมาร์ นับเป็นครั้งแรกที่นายทาโร อาโซะเยือนต่างประเทศนับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งเป็นต้นมา เมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา นายทาโร อาโซะได้เจรจากับประธานาธิบดีเมียนมาร์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเมียนมาร์ตามลำดับ สื่อมวลชนญี่ปุ่นรายงานว่า วัตถุประสงค์ในการเยือนเมียนมาร์ครั้งนี้ คือ ผลักดันความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างญี่ปุ่นกับเมียนมาร์ ให้การสนับสนุนแก่วิสาหกิจญี่ปุ่นในการเข้าสู่เมียนมาร์ และส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านการต่างประเทศเชิงยุทธศาสตร์ด้วย
เมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา นายทาโร อาโซะได้กล่าวว่า รัฐบาลชินโซ อาเบะสนับสนุนการพัฒนาของเศรษฐกิจเมียนมาร์
ตั้งแต่ทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา ประเทศตะวันตกคว่ำบาตรเศรษฐกิจเมียนมาร์หลายครั้งแต่รัฐบาลญี่ปุ่นไม่เคยเข้าร่วม ญี่ปุ่นจึงเป็นหนึ่งในประเทศพัฒนาจำนวนไม่มากที่สนับสนุนเศรษฐกิจเมียนมาร์มาโดยตลอด ตั้งแต่ประเทศตะวันตกเริ่มผ่อนคลายการคว่ำบาตรเศรษฐกิจเมียนมาร์เมื่อปี 2012 ที่ผ่านมา วิสาหกิจญี่ปุ่นเร่งกระบวนการเข้าสู่เมียนมาร์มากขึ้น
เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ญี่ปุ่น และเมียนมาร์ได้ลงนามในบันทึกช่วยจำว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจติลาวาร่วมกัน ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองย่างกุ้ง ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของเมียนมาร์ โดยมีพื้นที่ 2,400 เฮกตาร์ จะดึงดูดวิสาหกิจผลิตรถยนต์ เครื่องยนต์ และชิ้นส่วนอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์เข้ามา คาดว่าจะเริ่มประกอบการตั้งแต่ปี 2015 รัฐบาลญี่ปุ่นจะลงทุนในการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานในเขตเศรษฐกิจพิเศษติลาวามูลค่า 12,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เงินทุนเหล่านี้จะให้รัฐบาลเมียนมาร์ในรูปแบบเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
นักวิเคราะห์เห็นว่า การที่วิสาหกิจญี่ปุ่นเพิ่มการลงทุนในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในหลายปีมานี้ เป็นสัญญาณว่า วิสาหกิจญี่ปุ่นเริ่มเปลี่ยนหนทางการลงทุนในต่างประเทศ สถิติจากธนาคารกลางญี่ปุ่นพบว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2012 การลงทุนโดยตรงยังอาเซียนของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 380,000 ล้านเยน เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2011 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านล้านเยน อาเซียนกลายเป็นเป้าหมายการลงทุนใหม่ของญี่ปุ่น
(Yim/cici)