ปีหลังๆ นี้ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกปั่นป่วนอย่างต่อเนื่อง แต่อินโดนีเซียกลับมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจสูงถึงปีละ 6% นายซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน ประธานาธิบดีอินโดนีเซียกล่าวว่า อินโดนีเซียจะไม่ก้มหน้าดำเนินตามนโยบายเศรษฐกิจของประเทศอื่น แต่จะเดินไปสู่หนทางแห่งการพัฒนาเศรษฐกิจที่มีเอกลักณ์เฉพาะ ขณะเดียวกัน รักษาเจตนารมณ์แห่งความมุ่งมัน สร้างสรรค์อินโดนีเซียให้เป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งมากขึ้น และกลายเป็นเสาหลักแห่งการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งจะพยายามสร้างคุณูปการต่อความก้าวหน้าของโลกด้วย
เมื่อเร็วๆ นี้ นายซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน ประธานาธิบดีอินโดนีเซียที่เดินทางไปเยือนประเทศฮังการีให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ผลจากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่มีลักษณะพิเศษของอินโดนีเซียพิสูจน์ให้เห็นว่า หากดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับสภาพโดยรวมของประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศชาติก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้
ขณะนี้ เศรษฐกิจโลกตกอยู่ในสภาวะซบเซา หลายประเทศประสบวิกฤต มีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำกว่า 3% และบางประเทศมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจติดลบด้วยซ้ำ แต่อินโดนีเซียกลับมีอัตราเติบโตสูงถึง 6% ติดต่อกันมาหลายปี
นายซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน กล่าวว่า สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่การพัฒนาเศรษฐกิจของอินโดนีเซียสามารถประสบความสำเร็จคือ ไม่ได้ทำตามแผนยุทธศาสตร์ที่ประเทศอื่นหรือองค์การระหว่างประเทศเสนอให้อย่างลืมหูลืมตา แต่ได้เลือกแผนยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับสภาพโดยรวม และผลประโยชน์ของประเทศ จึงสามารถประสบความสำเร็จได้
หลังประกาศแถลงการณ์โบกอร์เป็นต้นมา อินโดนีเซียได้ส่งเสริมเสรีทางการค้าและการลงทุน แต่ในขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ได้พยายามนำเศรษฐกิจไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง โดยดำเนินนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมหลายสาขา มีการปรับปรุงเศรษฐกิจมหภาค และคุ้มครองอุตสาหกรรมบางชนิดที่ยังไม่เข้มแข็งพอ ด้านการบริหารเศรษฐกิจของประเทศ รัฐบาลไม่เพียงแต่คำนึงถึงการเติบโตของเศรษฐกิจ แต่ยังเน้นถึงความเที่ยงธรรม และเสถียรภาพด้วย ดังนั้น รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการควบคุมสภาวะเงินเฟ้อ การเพิ่มโอกาสการมีงานทำ และพยายามเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน
นายซูซีโล บัมบัง ยูโดโยโน ยังกล่าวว่า ปัจจุบัน ประชาคมโลกมองอินโดนีเซียเป็นประะเทศขนาดใหญ่ระดับภูมิภาค และมีส่วนร่วมในกิจการระดับโลก จากนี้ไป อินโดนีเซียจะเร่งทำการปฏิรูปและพัฒนา เพื่อให้ประเทศและประชาชนมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และจะปฏิบัติตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมต่อไป ส่วนทางด้านพลังงาน อาหาร และโครงการก่อสร้างขั้นพื้นฐาน จะสร้างโอกาสมากขึ้นแก่การลงทุนของต่างชาติ รวมถึงการค้าทวิภาคี และพหุภาคีกับต่างประเทศ อีกทั้งจะทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องดังกล่าวกลายเป็นแรงขับเคลื่อน และเสาหลักแห่งการพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังจะแสดงบทบาททางบวกในกิจการระดับโลก เช่น แสดงบทบาทในการพิทักษ์สันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค
(TON/cai)