เมื่อบ่ายวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้เจรจากับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่มาเยือนรัสเซียที่ทำเนียบเครมลิน หลังการเจรจา ผู้นำสองประเทศได้ประกาศแถลงการณ์ร่วมที่จะลงนามสนธิสัญญาสันติภาพโดยเร็ว นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้ลงนามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลสองประเทศหลายฉบับ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนทวิภาคี ความร่วมมือด้านวัฒนธรรม สาธารณสุข กีฬาและเอกชน
ในระหว่างการเจรจา นายวลาดิเมียร์ ปูติน ได้ประเมินค่าอย่างสูงกับผลงานด้านการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศ แต่เขากล่าวว่า สำหรับประเทศอย่างเช่นญี่ปุ่นและรัสเซีย ยอดมูลค่าทางการค้าทวิภาคียังต่ำมาก จึงต้องการการยกระดับเพิ่มขึ้นอย่างมาก นายชินโซ อาเบะกล่าวชื่นชมการปกครองประเทศของนายวลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งรัสเซียได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องภายใต้การนำจากนายวลาดิเมียร์ ปูติน เขายังกล่าวว่า การพัฒนาความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นกับรัสเซียเป็นไปตามความต้องการของยุค ซึ่งไม่เพียงแต่สองคล้องกับผลประโยชน์ของสองประเทศเท่านั้น อีกทั้งยังมีความหมายสำคัญต่อสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาคนี้
สิ่งที่น่าสังเกตคือ เช้าวันเดียวกัน นายชินโซ อาเบะยังเดินทางไปยังหลุมฝังศพทหารนิรนามที่อยู่ใกล้ๆ ทำเนียบเครมลินและวางพวงมาลาถวายเป็นการพิเศษด้วย หลุมฝังศพทหารนิรนามแห่งนี้ก่อสร้างเพื่อรำลึกทหารกองทัพแดงของสหภาพโซเวียตที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากนายชินโซ อาเบะเคยได้คารวะศาลเจ้ายะซุกุนิ ดังนั้นการกระทำดังกล่าวของนายชินโซอาเบะถูกเห็นว่าเป็นการตั้งใจแสดงไมตรีกับรัสเซีย
รัสเซียกับญี่ปุ่นประกาศแถลงการณ์ร่วมฉบับนี้เกี่ยวกับทิศทางสำคัญของการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตลอดจนจุดยืนและความเห็นในปัญหาระหว่างประเทศสำคัญต่างๆ ระหว่างสองประเทศ ในจำนวนนี้ การที่ทั้งสองฝ่ายประกาศว่าจะเริ่มการลงนามสนธิสัญญาสันติภาพเป็นสิ่งที่จับตามองที่สุด แถลงการณ์ระบุว่า ผู้นำสองประเทศต่างเห็นว่าหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดเป็นเวลา 67 ปี แต่สองประเทศไม่ได้ลงนามสนธิสัญญาสันติภาพใดๆ ซึ่งผิดปกติ เพื่อการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีในอนาคต ผู้นำสองประเทศจึงตกลงว่าจะผลักดันกระบวนการลงนามสนธิสัญญาสันติภาพ
Yim/kt